อันอี้หางรู้จักนางจึงตอบเสียงเบากลับไป “ที่นี่ไม่มีอะไรเหมาะเลย”
“ท่านบอกมาเถิดว่าต้องการเสื้อผ้าแบบไหน จากนั้นค่อยจับคู่ให้ตรงตามความต้องการ อย่างเช่น ชุดกระโปรงสีส้มนี้สามารถเข้าคู่กับสีเข้มนั่นได้ เข้าชุดกับตัวสีเหลืองนั่นก็ได้เช่นกัน ยังมี…”
มู่ซืออวี่อธิบายอยู่นาน
อันอี้หางรอให้นางหยุดพูดก่อนจะกล่าวว่า “ที่ท่านพูดมาข้าล้วนเข้าใจทั้งหมด แต่ข้านำเงินมาไม่พอน่ะ”
“ท่านอยากจะซื้อเสื้อผ้าให้น้องสาวจริง ๆ หรือ?” มู่ซืออวี่ถาม “หากอยากซื้อจริง ๆ ข้ามีวิธีช่วยท่านได้”
“วันนี้น้องสาวของข้าจะแต่งงาน ข้าอยากจะซื้อชุดสวย ๆ สักชุดให้นางเป็นของขวัญ ท่านมีวิธีใดหรือ?” อันอี้หางถามนาง
มู่ซืออวี่จึงเล่าวิธีของตนให้อันอี้หางฟัง
อันอี้หางเผยสีหน้าประหลาดใจ “นี่คือสิ่งที่ท่านคิดเองหรือ?”
“ตกลงหรือไม่?” มู่ซืออวี่ถาม “หากตกลง ข้าจะเรียกเจ้าของร้านออกมา”
“ขอบคุณ” อันอี้หางกล่าว “เช่นนั้นต้องรบกวนฮูหยินแล้ว”
“ซูอวี้” มู่ซืออวี่เรียกเจิ้งซูอวี้ที่อยู่ไม่ไกลนัก
ครั้นเจิ้งซูอวี้ได้ยินเสียงนี้ จึงเอ่ยลากับคุณหนูเจี่ยงที่อยู่ข้าง ๆ จากนั้นก็เดินเข้ามาหา
“มาแล้ว”
“ข้าอยากจะปรึกษากับท่านสักหน่อย” มู่ซืออวี่เอ่ยว่า “หากจะให้คุณชายอันแบ่งชำระเป็นงวด ๆ เป็นอย่างไร?”
“แบ่งชำระ?” เจิ้งซูอวี้ไม่เคยได้ยินวิธีเช่นนี้มาก่อนจึงรู้สึกสงสัย “ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ”
มู่ซืออวี่จึงอธิบายอีกครั้ง
“แน่นอนว่าวิธีนี้มีเพียงบางคนเท่านั้นที่ใช้ได้ ดังนั้นท่านต้องเป็นคนเลือก บางคนต่อให้แบ่งชำระก็ไม่สามารถจ่ายเงินได้ แต่บางคนแค่ขาดเงินเพียงชั่วคราวเท่านั้น ท่านเพียงทำให้ง่ายต่ออีกฝ่ายเท่านั้น อันที่จริงนี่ไม่ใช่การอำนวยความสะดวกให้ตนมากขึ้นหรือ? อีกทั้งทำเช่นนี้ยังสามารถดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้นอีกด้วย”
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอแค่เพียงอีกฝ่ายแสดงของสำคัญ เช่น หลักฐานสำมะโนครัว หรือสิ่งของที่สามารถจำนำได้ เช่นนี้ก็จะทำให้อีกฝ่ายสามารถแบ่งจ่ายหลาย ๆ งวดได้ หลังจากจ่ายครบแล้วก็จะคืนให้อีกฝ่าย”
“ไม่ผิด ๆ”
“ไม่รู้ว่าคุณชายผู้นี้มีสิ่งของสำคัญใดหรือ?” เจิ้งซูอวี้เรียนรู้แล้วประยุกต์ใช้ทันที
อันอี้หางครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะดึงป้ายชื่อแสดงสถานะของตนออกมา “ข้าเป็นบัณฑิตของสำนักบัณฑิตเขาเขียว บัณฑิตของสำนักบัณฑิตเขาเขียวทุกคนมีป้ายไม้ที่ข้างหลังสลักชื่อของพวกเราเอาไว้ ตอนนี้ของสำคัญของข้ามีเพียงสิ่งนี้ ท่านสามารถส่งคนไปสอบถามดูได้ ข้าคืออันอี้หางจากสำนักบัณฑิตเขาเขียว”
“เอ่อ…” เจิ้งซูอวี้งุนงง
ป้ายไม้นี้อาจจะมีความสำคัญต่ออันอี้หางมาก แต่สำหรับนางแล้ว…
เทียบไม่ได้แม้แต่อีแปะเดียว
“ใช้ทะเบียนบ้านก็ได้เช่นกัน ทะเบียนบ้านสำคัญมาก หากไม่มีทะเบียนบ้าน เจ้าก็ทำอะไรหลาย ๆ อย่างไม่ได้” มู่ซืออวี่กล่าว
“ข้าจะจ่ายเงินที่เหลือภายในสิบวัน ใช้ป้ายไม้นี้เป็นสิ่งค้ำประกันไปก่อนได้หรือไม่?” อันอี้หางถาม
เจิ้งซูอวี้หันมามองมู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่ดึงเจิ้งซูอวี้มาแล้วเอ่ยสองสามคำ
เมื่อทั้งสองคนหันกลับมา เจิ้งซูอวี้ก็ตกปากรับคำ “แต่ท่านต้องเขียนหนังสือยืมหนี้ด้วยตัวเอง”
“ไม่มีปัญหา” อันอี้หางตอบรับ
หลังจากเขียนหนังสือยืมหนี้แล้ว อันอี้หางก็ขอให้มู่ซืออวี่ช่วยเขาเลือกเสื้อผ้าหนึ่งชุด
อันอี้หางนำเงินมา 4 ตำลึงเงิน ยังเหลืออีก 6 ตำลึงเงินที่ยังไม่ชำระ
“ข้าน้อยอันอี้หาง ยังไม่รู้ว่าต้องเรียกฮูหยินว่าอย่างไร?”
พบกันหลายครั้งหลายครา แต่ก็ไม่ได้พูดคุยกันมากนัก วันนี้ยังช่วยเขามากมาย ย่อมต้องถามชื่อเอาไว้ ครั้งหน้าพบกันจะได้รู้ว่าต้องเรียกว่าอย่างไร
“คุณชายอาจจะจำไม่ได้แล้ว” มู่ซืออวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ครั้งหนึ่งข้าตกอยู่ในอันตราย ก็เป็นคุณชายที่ช่วยข้าเอาไว้”
อันอี้หางเผยสีหน้ามึนงง
มู่ซืออวี่จึงอธิบายเหตุการณ์ในตอนนั้น
อันอี้หางพลันจำได้ทันที “ที่แท้ก็เป็นท่าน”
“ใช่แล้ว ภายหลังข้ากลับไปหาคน แต่คนผู้นั้นหายไปแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...