มู่ซืออวี่เดินถือตะเกียงน้ำมันเข้าไปในห้องของลู่จื่ออวิ๋น พอเห็นใบหน้าของแม่นางน้อยที่กำลังหลับใหลอย่างสงบโดยมีโคลนเปื้อนอยู่ไม่น้อยก็หัวเราะออกมา
นางวางตะเกียงน้ำมันลง ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดหน้าของแม่นางน้อย เช็ดมือ และเช็ดเท้าขาว ๆ เล็ก ๆ ของเด็กน้อยให้สะอาด สุดท้ายจึงช่วยดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ นางถือตะเกียงน้ำมันไว้มือหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งถืออ่างน้ำเดินออกมา
เมื่อนางมาที่ห้องของลู่ฉาวอวี่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คนที่นอนอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้นมาทันที
ทักษะระแวดระวังช่างแข็งแกร่งจริง ๆ
ลู่ฉาวอวี่ลุกขึ้นถาม “มีเรื่องอะไร?”
“เอาน้ำอุ่นมาให้เจ้า มาล้างหน้าล้างเท้าเถอะ”
ตื่นก็ดีเช่นกัน นางจะได้ไม่ต้องทำให้
ว่าแต่เด็กคนนี้…. ยิ่งโตขึ้นมากเท่าไหร่ อารมณ์ยิ่งเหมือนคนเป็นพ่อเข้าไปทุกที
มู่ซืออวี่มองความเคลื่อนไหวของเขาอยู่ข้าง ๆ
“ล้างเสร็จแล้ว ท่านจะมองไปถึงเมื่อไหร่?” ลู่ฉาวอวี่เงยหน้าขึ้นมาถาม
“ข้าเป็นแม่แท้ ๆ ของเจ้า ยังมองเจ้าไม่ได้อีกหรือ?” มู่ซืออวี่กล่าวพลางอุ้มเขาขึ้นมา
ลู่ฉาวอวี่ “…”
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ขยับตัวขัดขืนไปมาอยู่ในอ้อมแขนของนาง
“อย่าขยับ” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “ล้างเท้าแล้ว น้ำยังไม่ทันแห้งเลย รองเท้าของเจ้าเปียกใช่หรือไม่?”
นางวางลู่ฉาวอวี่ลงบนเตียง จากนั้นใช้ผ้าเช็ดเท้าของเขาให้แห้ง
“เสร็จแล้ว”
“ขอบคุณ” ลู่ฉาวอวี่ก้มหน้าลงขณะกล่าว
“เล่นจนเหนื่อยแล้วล่ะสิ? รีบพักผ่อนเสีย”
“อืม”
“ข้าจะเก็บเสื้อผ้าของเจ้าไปแล้ว พรุ่งนี้เจ้าก็ใส่ตัวที่ตัดใหม่ รองเท้าก็ต้องเปลี่ยนเช่นกัน คู่นี้เปียกแล้ว ข้าจะเอาไปซักพร้อมกันพอดี”
“ก็ได้”
“อย่าเอาแต่อ่านหนังสือทั้งวัน ระวังจะกลายเป็นหนอนหนังสือ โลกภายนอกสวยงามมาก ไปดูทิวทัศน์งดงามข้างนอกให้มาก ถ้าจิตใจผ่องใสก็จะยิ่งอ่านหนังสือได้ดีขึ้น เข้าใจหรือไม่?”
ลู่ฉาวอวี่เอ่ยออกมาอย่างขัดเขิน “ข้าจะนอนแล้ว”
“เจ้าเด็กบ้า ไม่น่ารักเลยแม้แต่น้อย” มู่ซืออวี่กล่าวเช่นนั้นแต่ก็ลูบหัวลู่ฉาวอวี่
เด็กน้อยนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นอย่างว่างเปล่า
เขายกมือขึ้นมาลูบหัวของตน ทำตามอย่างที่มู่ซืออวี่ทำ แววตาเต็มไปด้วยความสับสน
มู่ซืออวี่เหนื่อยมาก หลังจากล้มตัวลงได้ไม่นานก็หลับไป
กลางดึกนั้น นางรู้สึกเหมือนถูกบางอย่างทับลงมาอย่างหนักจนหายใจแทบไม่ออก
นางลืมตาขึ้นมา ท่ามกลางแสงจันทร์สลัวที่ส่องเข้ามาจากหน้าต่าง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาอยู่ราง ๆ
“ลู่อี้!”
นางดิ้นไปมา ทว่าไม่อาจเป็นอิสระจากอ้อมแขนของเขา
ลู่อี้ขมวดคิ้วพึมพำขึ้นมาอย่างกำกวม “อย่าส่งเสียง ปวดหัว”
“เจ้าก็ปล่อยข้าสิ!” มู่ซืออวี่อยากลุกขึ้นนั่ง ทว่าเพียงแค่ขยับเท่านั้น ร่างของลู่อี้ก็กดนางเอาไว้
เขาลืมตาขึ้นมาพลางพึมพำด้วยความสับสน “ชู่ว อย่ารบกวน ภรรยาข้ากำลังนอนหลับ”
มู่ซืออวี่ “…”
ภรรยาของเขาอะไรอีก?
เขามีภรรยากี่คนกัน?
ไม่ถูกสิ เขาต้องอยู่อีกเตียงไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงมาอยู่ที่เตียงนาง?
“ลู่อี้ ปล่อยข้า…”
“อืม…” เขาหายใจอย่างสม่ำเสมอ ดูเหมือนว่าจะหลับไปอีกแล้ว
มู่ซืออวี่ปวดหัวขึ้นมา นางอุตส่าห์หลบเขา จงใจมานอนเตียงห้องข้างใน ผลที่ได้คือเขากลับคลานเข้ามากลางดึก
เหนื่อยจริง ๆ นางไม่อยากกลับไปกลับมาอีกแล้ว จำต้องยอมหลับไปอีกครั้งพร้อมกับหินในร่างมนุษย์คนหนึ่ง
ตอนที่ลู่อี้ตื่นขึ้นมา จมูกของเขาก็ได้กลิ่นหอมสดชื่นตรึงใจของดอกท้อลอยผ่านจมูกจาง ๆ
เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นใบหน้าที่กำลังหลับใหลอย่างสงบ ขนตาราวกับพัดน้อย ๆ งอนงามน่าสัมผัส เขายั้งตัวเองไว้ได้ทันจึงย้ายไปข้าง ๆ ไม่ได้ทำให้นางตื่นขึ้น
การนอนของนางไม่ค่อยราบรื่นนัก หัวคิ้วขมวดมุ่น เมื่อนึกถึงท่านอนของพวกเขาทั้งสองคนเมื่อครู่นี้ คงเป็นเพราะเขาขยับแรงเกินไป นางจึงหลับอย่างไม่เป็นสุขนัก
เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น?
ในหัวมีแต่เศษเสี้ยวความทรงจำกระจัดกระจาย เมื่อนำมารวมกันแล้วก็เข้าใจถึงปัญหาใหญ่
เมื่อเห็นนางกำลังจะตื่นขึ้นมา เขาก็หลับตาลงอีกครั้ง
มู่ซืออวี่หาวออกมาพลางขยับแขนของตน เมื่อเห็นว่าตนสามารถขยับได้จึงหันไปมองชายหนุ่มข้างกาย
นางส่งเสียง ‘ฮึ’ ออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเอ่ยเสียงเบาว่า “ผู้ชายตัวเหม็น หนักจะตายแล้ว ถูกทับทั้งคืน ข้าจะบี้แบนอยู่แล้ว”
นางนอนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยายามควบคุมร่างกายของตนให้ขยับอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...