ลู่อี้สังเกตเห็นว่ามู่ซืออวี่กำลังตัวสั่น จึงกอดนางไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา ก่อนจะดันศีรษะของนางเข้ากับอ้อมอกของเขา
คนเหล่านั้นใช้เวลาอยู่ที่นี่นานมาก กระทั่งกำจัดศพทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้วจึงเดินมาทางที่พวกเขาอยู่
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา มู่ซืออวี่พลันตัวสั่นเทิ้มยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่ลู่อี้กอดนางไว้แล้วพาก้าวถอยหลัง
เขาขึ้นเขาเข้าป่าล่าสัตว์มานาน บางครั้งจำต้องนั่งอยู่กับที่เป็นเวลาหลายชั่วยามเพื่อล่าสัตว์ป่า กระทั่งตามสัตว์ป่าทั้งวันทั้งคืนเงียบ ๆ ก็เคยมาแล้ว ดังนั้นจึงค่อย ๆ สั่งสมความสามารถในการหลบซ่อนตัวเอง
และเป็นดังที่คาดไว้ คนเหล่านั้นไม่พบพวกเขา
“เอาล่ะ พวกเขาไปแล้ว” ลู่อี้ปล่อยนางออกจากอ้อมแขน
มู่ซืออวี่นั่งลงบนพื้น พลางหอบหายใจอย่างหนักหน่วง นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นฉากฆาตกรรมคาตาเช่นนี้ แล้วจะไม่กลัวได้อย่างไร?
หากเมื่อครู่ถูกพบเข้าละก็ บางที…
“พวกเราต้องรีบกลับไป” มู่ซืออวี่รีบร้อนลุกขึ้นเร็วเกินไป ร่างกายจึงโอนเอนไปมา
ลู่อี้พยุงนางไว้แล้วเอ่ยปลอบใจ “ไม่ต้องกลัว การแต่งกายของคนเหล่านั้นไม่เหมือนเรา ต้องไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่ ถึงแม้จะลงเขาก็ต้องลงไปตามเส้นทางอื่น พวกฉาวอวี่อยู่ริมทะเลสาบ ย่อมไม่พบพวกเขาแน่นอน”
ทันทีที่กลับมาถึงริมทะเลสาบก็ได้ยินเสียงหัวเราะของมู่เจิ้งหานและลู่จื่ออวิ๋นมาแต่ไกล ถึงแม้ลู่ฉาวอวี่จะแสดงอาการไม่ยินดียินร้าย แต่ครั้งนี้รอยยิ้มกลับปรากฏขึ้นในแววตาของเขา นอกจากนี้ ทั่วทั้งตัวยังแผ่บรรยากาศผ่อนคลายสบายอารมณ์ออกมา
“ท่านพ่อ! ท่านแม่!” ลู่จื่ออวิ๋นโบกมือให้พวกเขา
มู่ซืออวี่ยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาพวกเขา
“พวกเจ้าไปไหนมา?” ท่านหมอจูเอ่ยขึ้น “ปิ้งย่างที่รับปากไว้เล่า? พวกเราหิวกันหมดแล้ว”
“ได้ ข้าจะทำเดี๋ยวนี้” มู่ซืออวี่หันไปหาลู่อี้แล้วเอ่ยว่า “ท่านช่วยขอดเกล็ดปลาให้ข้าหน่อย”
ในขณะที่ขอดเกล็ดปลา ลู่อี้ก็คอยสังเกตมู่ซืออวี่ไปด้วย ชายหนุ่มกลัวว่านางจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ แต่นางกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ใบหน้าจะยังซีดเซียว แต่อย่างอื่นก็ล้วนปกติ
“พวกท่านทะเลาะกันมาหรือ?” ลู่เซวียนนั่งลงข้าง ๆ ลู่อี้
ลู่อี้เลิกคิ้วถาม “ตาข้างไหนของเจ้าเห็นว่าพวกเราทะเลาะกัน?”
“ถึงแม้ข้าจะไม่ได้เห็นกับตา แต่ก็เห็นว่าสีหน้านางดูซีดเซียว สีหน้าท่านเองก็มืดครึ้ม อย่างกับไปทะเลาะกันมา ดูทะเลาะกันหนักเสียด้วย” ลู่เซวียนตบไหล่ลู่อี้เบา ๆ “ในฐานะน้องชาย น้องชายคนนี้ขอแนะนำท่านสักคำ ชีวิตกว่าจะมีวันนี้ไม่ง่ายเลย ท่านต้องรักษาเอาไว้ให้ดีล่ะ หากนางทำสิ่งใดผิด ตราบใดที่ไม่ใช่ความผิดร้ายแรง พวกเราเป็นบุรุษจะต้องอดทนให้ได้”
“เจ้ากลัวจะไม่มีคนทำอาหารให้เจ้ากระมัง”
“…”
ลู่เซวียนลูบจมูกตนเอง แล้วเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิด
“โอ้โห! อร่อยมาก” ลู่จื่ออวิ๋นกินเห็ดย่างด้วยสีหน้ามีความสุข “ท่านแม่ อร่อยมาก ๆ เลยเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าผักย่างอร่อยกว่าหมูย่างเสียอีก”
“แม่จะเอาให้เจ้าอีกเยอะ ๆ” มู่ซืออวี่พลิกผัก จากนั้นก็ป้ายเครื่องปรุงรสลงไป “แต่จะกินแค่อันนี้ไม่ได้ ข้าง ๆ มีน้ำบ๊วย เจ้าเทเอาเองนะ”
ลู่จื่ออวิ๋นวิ่งไปหาลู่อี้พร้อมกับเห็ดย่างชิ้นใหม่ที่ได้มา ก่อนจะเป่ามันแล้วยื่นให้ “ท่านพ่อ ลองชิมดูเจ้าค่ะ”
ลู่อี้กำลังฆ่าปลา มือย่อมไม่ว่าง เขาจึงเอ่ยว่า “พ่อไม่กิน เจ้ากินเถอะ”
“ท่านลองชิมดูสักหน่อย” ลู่จื่ออวิ๋นคะยั้นคะยอ
สายตาของลู่อี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น เขาอ้าปากแล้วลองชิมดู “อร่อย แต่ตอนนี้พ่อกำลังยุ่ง อีกเดี๋ยวค่อยกินนะ”
ลู่จื่ออวิ๋นวิ่งไปข้าง ๆ มู่ซืออวี่อีกครั้งแล้วดึงปลายเสื้อของอีกฝ่าย “ท่านแม่ ท่านก็ลองชิมดู”
มู่ซืออวี่ย่อตัวลงชิมตามคำขอ “อื้ม อวิ๋นเอ๋อร์ของเราป้อนอะไรก็อร่อย”
ลู่จื่ออวิ๋นหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
ทางด้านมู่เจิ้งหานและลู่ฉาวอวี่นั้นขึ้นมาบนบก ทั้งสองคนเหมือนลิงเปื้อนโคลน ไม่เพียงแต่บนตัวมีโคลนตมมากมายเท่านั้น ใบหน้าก็เปื้อนโคลนไม่น้อย
ถงซื่อนำเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้พวกเขาทั้งสองมาเปลี่ยน
“โอ้โห ท่านพี่ ท่านจะย่างได้อร่อยเกินไปแล้ว!” มู่เจิ้งหานออกอาการอย่างเกินจริง
“อร่อยก็กินให้มากหน่อย”
มู่ซืออวี่ย่างไว้ไม่น้อย ทั้งแถวเต็มไปด้วยผักนานาชนิดและเนื้อเสียบไม้
ลู่ฉาวอวี่ยืนอยู่ข้าง ๆ พลิกอาหารไปมา ดูนางเป็นตัวอย่างแล้วป้ายเครื่องปรุงรสลงไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...