ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 19

ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ มู่ชืออวี่มองไปรอบกายอย่างตื่นเต้นราวกับเด็กน้อย แม้ว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะควบคุมอารมณ์ให้ได้ แต่ลู่อี้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็สังเกตเห็นได้ไม่ยาก

นั่นทำให้เขารู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม

คนอย่างนางมีแววตาใสซื่อถึงเพียงนี้ได้ด้วยหรือ?

นอกจากความละโมบ ประชดประชัน และเย็นชาแล้ว นางยังเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์มาโดยตลอดตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา

แต่ช่วงนี้นางกลับสุภาพกับคนรอบข้าง มองทุกสิ่งรอบตัวอย่างใสซื่ออยากรู้อยากเห็น ราวกับว่าเป็นคนละคนไปเสียสิ้นเชิง

ดูเหมือนกับว่าสตรีตรงหน้านี้ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป

มู่ซืออวี่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวตนที่แท้จริงซึ่งนางพยายามจะซ่อนเอาไว้ได้เปิดเผยออกมาอย่างง่ายดายเสียแล้ว

นางดึงชายเสื้อของลู่อี้ ชี้ไปยังที่ไกลออกไปแล้วเอ่ยขึ้นว่า “มีการแสดงกายกรรมอยู่ตรงนั้นด้วย”

“อยากดูหรือ?” ลู่อี้พินิจแววตาของนาง

ถ้าหากนางไม่ใช่มู่ซืออวี่คนเดิม แล้วนี่คือใครกัน?

เพราะทั้งรูปร่างหน้าตาก็ล้วนเป็นนาง ไม่ได้ดูเปลี่ยนไปสักนิด หรือหญิงสาวหัวกระแทกตอนที่เขาไม่อยู่

“อยากสิ” นางจ้องกลับมาที่เขาอย่างไร้เดียงสา “ไปได้หรือไม่?”

ด้วยเหตุใดไม่อาจทราบได้ ลู่อี้รู้สึกแปลก ๆ ในใจ

เห็นได้ชัดว่านี่คือใบหน้าเดียวกัน ไม่ได้สวยขึ้นแม้แต่นิดเดียว แต่นางคนนี้ ไม่สิ เขาอาจจะต้องเรียกว่าวิญญาณอื่น เขาไม่คิดว่าวิญญาณนี้น่ารำคาญเลยสักนิด

“ได้” ทันทีที่ลู่อี้รับคำ แขนของเขาก็ถูกดึงไปในฝูงชนเพื่อชมการแสดงกายกรรม

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปทันที

ร่างนี้กำลังพยายามทำอะไรกับเขากันแน่

อาจเป็นเพราะว่าเป็นวิญญาณมานาน จึงได้สนใจในทุกสิ่งรอบกายของมนุษย์ มู่ซืออวี่ถูกเข้าสิงจริง ๆ ใช่หรือเปล่า?

แล้วถ้าหากนางไปแล้ว มู่ซืออวี่คนเดิมจะกลับมาหรือไม่

ชายหนุ่มคิดได้เช่นนั้นก็พลันขมวดคิ้ว

“ดีจัง” หญิงสาวปรบมือไปมา ไม่ได้รับรู้ความคิดของเขาเลยสักนิด

ลู่อี้ไม่ได้มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ความจริงแล้วมันเหลือเชื่อเกินไปเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อพินิจดูจากการเปลี่ยนแปลงของนางในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ไม่มีสาเหตุอื่นนอกเสียจากถูกวิญญาณอื่นมายึดร่างจริง ๆ

เขาไม่ได้ต้องการจะขับไล่อีกฝ่ายไป เพียงอยู่ดูว่านางต้องการจะทำอะไร เพราะดูเหมือนว่าวิญญาณนี้จะไม่ได้มาร้าย ไม่เช่นนั้นคนในบ้านคงจะตายก่อนที่เขาจะกลับไปถึงบ้านแล้ว

ชายหนุ่มเคยได้ยินมาว่าวิญญาณผู้หญิงจะดูดซับพลังหยาง

เป็นไปได้หรือไม่ว่า…

“แค่ก!” จู่ ๆ ลู่อี้ก็หยุดความคิดแปลก ๆ ของตัวเอง ทว่าใบหน้าเย็นชาของเขากลับขึ้นสีด้วยความไม่สบายใจ

“เจ้าเป็นอะไรไป?” มู่ซืออวี่ละสายตากลับมามองเขาเมื่อได้ยินเสียง “นี่มันสายแล้ว เรายังต้องรีบเอาไก่ไปขาย ไปเถอะ ไม่ต้องดูแล้ว”

ลู่อี้พามู่ซืออวี่ออกมา เขาขายไก่ได้เงินมา 90 เหวิน

มู่ซืออวี่ถือถุงเงินในมือ คิดคำนวณพลางพึมพำออกมา “ปลายข้าวที่ถูกที่สุดราคาชั่งละ 5 เหวิน ข้าวขาวอย่างดีต้องจ่าย 10 เหวินต่อชั่ง ซื้อปลายข้าวก่อน 5 ชั่ง แป้งอีก 5 ชั่ง แต่ต้องซื้อกระดูกกับเครื่องในไปทำกับข้าวให้ทุกคนกินบำรุงร่างกายด้วย เราไม่ได้มีเงินเยอะเลยสินะ”

ลู่อี้มองนางอย่างประหลาดใจ

หญิงสาวเริ่มรู้สึกได้ถึงสายตาของเขาจึงถามขึ้นว่า “ข้าพูดอะไรผิดไปงั้นหรือ?”

“ถูกแล้ว” ลู่อี้ตอบหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง

“นั่นลูกเจี๊ยบนี่นา!” มู่ซืออวี่หยุดยืนอยู่ที่หน้าคอกเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง “พี่ชาย ท่านขายเท่าไหร่?”

“เหวินเดียว” เจ้าของร้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่นางต้องการกี่ตัว?”

มู่ซืออวี่มองมาที่ลู่อี้ทันที “ข้าซื้อได้หรือไม่?”

ลู่อี้พยักหน้า “ตามใจเจ้า”

“ขอบคุณเจ้ามาก” หญิงสาวคลี่ยิ้ม

เด็กหญิงขุดเอาไส้เดือนตัวเล็ก ๆ ที่พื้นดินออกมาเพื่อเลี้ยงลูกไก่ แต่พวกมันไม่ยอมกิน

“ท่านพี่ ทำไมลูกเจี๊ยบไม่กินล่ะเจ้าคะ ไก่ไม่ได้ชอบกินไส้เดือนหรอกหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเศร้าใจนัก

พี่ชายจอมเคร่งขรึมย่อขาลงนั่งยอง ๆ ข้างน้องสาว มือเล็ก ๆ คว้าไส้เดือนมาวางลงตรงหน้าลูกเจี๊ยบแล้วออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กิน”

พรึ่บ!

ลูกเจี๊ยบวิ่งหนีไปทันที

ลู่ฉาวอวี่ขมวดคิ้ว ส่วนลู่จื่ออวิ๋นกะพริบตาปริบ ๆ มองพี่ชาย “ท่านพี่ ท่านดุเกินไป ลูกเจี๊ยบกลัวหมดแล้ว”

มู่ซืออวี่ที่กำลังทำอาหารในครัวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่เมื่อลู่อี้เข้ามา หญิงสาวก็รีบเก็บอาการแล้วพยายามแสดงบทมู่ซืออวี่อีกครั้ง

ลู่อี้คัดแยกอาหารออกเป็นกลุ่ม ๆ

“เจ้ายุ่งอยู่หรือเปล่า?” นางเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะออกไป

สายตาเย็นชาของชายหนุ่มจดจ้องมาเพื่อรอให้นางเอ่ยปาก

“นวดแป้งให้ข้าหน่อย” มู่ซืออวี่กล่าวต่อไปว่า “วันนี้กลับมาช้าไปหน่อย ไม่มีเวลาทำอะไรมากมาย กินบะหมี่ไปก็แล้วกัน มีเครื่องในหมูที่ซื้อมา ทำเป็นบะหมี่ไส้หมูอร่อยมาก”

“เครื่องในงั้นรึ” ลู่อี้ขมวดคิ้ว

“ข้าบอกว่าอร่อยก็ต้องอร่อยสิ” นางว่าต่อ “แล้วเจ้าจะรู้เอง นวดแป้งให้ข้าก่อน”

ชายหนุ่มพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อนวดแป้ง

ห้องครัวค่อนข้างคับแคบ ลู่อี้ตัวสูงใหญ่ เมื่อคนสองคนอยู่ในครัวนี้ด้วยกัน ทุกอย่างก็ใกล้ชิดกันไปหมด ยามเขามองมาที่นาง หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าจะไปหลบซ่อนตรงไหนได้

เขาทำงานครัวด้วยท่วงท่าที่สง่างาม น่าเสียดายที่ชายหนุ่มผู้นี้ต้องแต่งงานกับผู้หญิงอย่างเจ้าของร่างเดิม

“เราไม่มีเงินซื้อหม้อใหม่” ลู่อี้ดึงนางออกมาจากห้วงความคิด “เจ้าจะเหม่ออีกนานแค่ไหนกัน”

“หือ?” มู่ซืออวี่มองไปยังหม้อต้มที่เกือบจะไหม้อยู่รอมร่อ “โอ๊ย นี่มันความผิดเจ้านั่นแหละ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย