ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย นิยาย บท 20

ถ้าปล่อยหม้อไว้อย่างนั้นต่อไปมีหวังได้ซื้อใหม่จริง ๆ แน่ มู่ซืออวี่จึงรีบเอามันหมูลงในหม้อร้อน ๆ อย่างรวดเร็ว แล้วค่อย ๆ เจียวจนมีน้ำมันหมูออกมา

ฮ่า เท่านี้ก็มีกลิ่นหอมออกมาจากหม้อแล้ว

คนที่อยู่นอกบ้านพากันชะโงกหน้ามามองในครัว โดยเฉพาะสองพี่น้องที่กำลังช่วยกันดูแลลูกเจี๊ยบ เมื่อได้กลิ่นหอมนี้ก็ไม่ได้สนใจจะเล่นกับลูกเจี๊ยบตรงหน้าอีกต่อไป

ลู่อี้คิดว่าผู้หญิงคนนี้ช่างแปลกประหลาด เห็นได้ชัดว่านางเหม่อลอย ยังจะมาโทษว่าเป็นความผิดของเขาหน้าตาเฉย หรือเขาทำให้นางเหม่อลอยกัน

แต่เมื่อเทียบอาการของนางเมื่อก่อนยามทะเลาะกันแล้ว อาการฟึดฟัดในตอนนี้ก็ทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์เช่นกัน

“ต้องทำอะไรอีก?” ลู่อี้นวดแป้งจนเสร็จสิ้น

“เจ้าออกไปเถอะ ครัวแคบนิดเดียว ไม่ต้องมายืนแล้ว” หญิงสาวว่าพลางเจียวมันหมูไปด้วย

แต่เขากลับไม่ยอมออกไป เพียงแต่ย่อกายนั่งลงดูไฟในเตา

ชายหนุ่มมองการเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วระหว่างทำอาหารของมู่ซืออวี่ หญิงสาวทำเหมือนตนทำอาหารจนเคยชิน แต่เขารู้มาว่าที่ผ่านมานางไม่ค่อยได้รับอนุญาตให้เข้าไปทำอะไรในครัว เพราะคนอื่นกลัวว่านางจะขโมยอาหาร

“ไม่ต้องเติมฟืน เดี๋ยวยังต้องล้างไส้หมูอีกนาน ค่อยเติมทีหลัง” มู่ซืออวี่บอกกับเขาอย่างชำนาญ

ชายหนุ่มจึงเอาฟืนออกจากเตา

หญิงสาวเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว เครื่องครัวเหล่านั้นดูราวกับกำลังเต้นระบำอยู่ในมือนาง

หลังจากได้น้ำมันหมูมาแล้ว นางก็ตักเอากากหมูที่เหลือลงในชามแล้วเทน้ำมันหมูลงไปเก็บในหม้อดินเล็ก ๆ

น้ำมันหมูหนึ่งหม้อดินเล็ก ๆ นี้ก็เพียงพอสำหรับทำอาหารให้คนในบ้านนี้กินเป็นเวลาหนึ่งถึงสองเดือน

นางเทเกลือลงไปในหม้อ

ระหว่างที่กำลังจะล้างไส้หมูอยู่นั้นเอง มู่ซืออวี่ก็หยุดมือกะทันหัน นางมองไปยังคราบน้ำมัน พลันเกิดภาพบางอย่างปรากฏขึ้นมาในหัว

ในชาติที่แล้ว นางมีความสุขที่สุดเมื่อถึงวันเจียวน้ำมันหมู เพราะวันนั้นจะมีกากหมูให้กินมากมาย

เป็นวันที่บ้านแสนยากจนจะได้กินของอร่อย แค่เพียงได้กินกากหมูที่เหลือจากการเจียวน้ำมันก็ทำให้สุขใจไปเป็นปี

หญิงสาวเช็ดคราบน้ำมันออกจากมือ เอาชามใบเล็กออกมาสามใบ ใส่กากหมูลงไปเท่า ๆ กันแล้วโรยน้ำตาลลงไป

ชาติที่แล้วนางมักจะกินกากหมูแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก อาหารจานนี้จึงทำให้นางรู้สึกมีความสุข

หญิงสาวไปยืนที่ประตูแล้วเรียกเสียงดัง “เสี่ยวอวิ๋นมานี่เร็ว!”

แววตาของลู่จื่ออวิ๋นเป็นประกาย เด็กน้อยรีบวิ่งเหยาะ ๆ ตรงมาพลางขานรับเสียงหวาน “ท่านแม่”

“เสี่ยวอวิ๋น เอานี่ไปกินสิ”

เมื่อเห็นว่าเป็นเนื้อสัตว์จำนวนไม่น้อย เด็กหญิงก็ส่ายหน้าอย่างเกรงใจ “ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”

“พี่ชายกับท่านอาของเจ้าก็ได้กินด้วย” มู่ซืออวี่กล่าวต่อไปว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ยังมีอยู่อีก ข้าแค่ให้เจ้าชิม จะเก็บไว้ค่อย ๆ กินก็ได้ ช่วยดูหน่อยซิว่าฝีมือข้าเป็นอย่างไรบ้าง ต้องปรุงเพิ่มอีกหรือไม่ ลองชิมดูหน่อย”

เด็กน้อยมีท่าทางลังเล

มู่ซืออวี่ลดเสียงให้เบาลงแล้วพูดว่า “ถ้าอาหารไม่อร่อย พ่อเจ้าต้องดุข้าแน่ ๆ ข้าอาจจะถูกไล่ออกจากบ้าน เจ้าคงไม่อยากให้แม่โดนดุหรอกใช่ไหม?”

ลู่อี้ที่ฟังอยู่ชะงักไป “…”

นี่เขาเลวร้ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?

ลู่เซวียนเอ่ยขึ้นว่า “เสี่ยวอวิ๋น ไม่ต้องเกรงใจหรอก นางบอกว่ากินได้ก็กินเถอะ”

ลู่จื่ออวิ๋นกังวลใจขึ้นมาเมื่อได้ยินว่าท่านแม่จะถูกท่านพ่อดุ หลังจากท่านอาพูดแบบนั้น นางก็หยิบเอาถ้วยใบเล็กมา แต่ส่งมันให้ลู่เซวียน

ลู่เซวียนขมวดคิ้ว “ข้าไม่กินหรอก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย