ลู่อี้แบกแพะเดินตามนางไป ครั้นเห็นนางหยุดอยู่ที่ ‘หอหลิงอวิ๋น’ เขากำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง แต่ไม่ทันไรก็เห็นนางเดินเข้าไปข้างในแล้ว
เขาอยากเดินตามนางเข้าไป ทว่าแบกของใหญ่เช่นนี้คงสะดุดตาผู้อื่นเกินไป อีกทั้งคนเฝ้าประตูก็ยังมาห้ามไม่ให้เขาเข้าไปข้างในด้วย
“ข้า… ภรรยาข้าเพิ่งเดินเข้าไปน่ะ” ลู่อี้กล่าว
“พี่ชาย ท่านอุ้มแพะตัวใหญ่ขนาดนั้น แขกของพวกเราจะตกใจเอาได้ เหตุใดไม่รอภรรยาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
คนเฝ้าประตูพูดด้วยความเกรงใจ อธิบายว่าสาเหตุที่ห้ามเขาเข้าไปนั้นไม่ใช่ด้วยสาเหตุอื่นใด แต่กลัวว่าจะทำให้แขกเหรื่อตกใจก็เท่านั้น
ลู่อี้รู้ว่าคนเฝ้าประตูพูดถูก คงไม่มีวิธีอื่นนอกจากรอมู่ซืออวี่อยู่ตรงนี้
เขาคิดว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับคนทั่วไปที่จะเข้ามาได้ และไม่นานนางคงจะรีบออกมา
หลังจากที่มู่ซืออวี่เข้ามาข้างใน หญิงสาวสวยสง่านางหนึ่งก็เดินเข้ามา
ใบหน้ายิ้มแย้มของนางมองดูแล้วช่างน่าหลงใหลนัก แม้ว่ามู่ซืออวี่จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีรอยปะและมีตะกร้าสะพายหลังดูไม่เข้ากับร้านค้าที่งดงามแห่งนี้ แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของการดูถูกเหยียดหยามจากสายตาของคนตรงหน้า
“ฮูหยิน ท่านมาตามหาคนหรือ?”
มู่ซืออวี่ชื่นชมอีกฝ่ายที่มีความฉลาดทางอารมณ์เป็นอย่างสูง
นางแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นไปทั้งตัว ทั่วทั้งตัวไม่มีเครื่องประดับใด ๆ เลยแม้แต่น้อย สภาพนางดูไม่เหมือนคนที่จะสามารถซื้อสิ่งของเหล่านี้ได้เลย
ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้ผลีผลามถามว่า ‘ลูกค้า ท่านจะซื้ออะไร?’ เพราะหากนางไม่มีปัญญาจ่าย การถามเช่นนี้จะไม่เป็นการทำให้นางกระดากอายหรอกหรือ? และยังไม่ได้ถามว่า ‘ท่านมาผิดที่หรือเปล่า?’ อีกด้วย เพราะนั่นเท่ากับว่าไม่เห็นนางอยู่ในสายตา
อีกฝ่ายเพียงแค่ถามนางว่ามาหาคนใช่หรือไม่ และไม่ว่าจะใช่หรือไม่นั้นนางก็จะอธิบายว่ามาด้วยเหตุใด คนถามจะได้รู้ว่านางมาทำอะไรและไม่สร้างปัญหาให้ใคร
ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูงก็เป็นที่ชื่นชอบได้ง่าย
“ข้ามาขอพบผู้จัดการของที่นี่น่ะ” มู่ซืออวี่พูด “ข้ามีกิจการที่อยากทำร่วมกับนาง”
หอหลิงอวิ๋นเป็นร้านค้าขายเครื่องประดับ หากเป็นยุคปัจจุบันก็คือสถานที่ขายสินค้าหรูหราฟุ่มเฟือย ที่นี่คือลานกิจกรรมของคนรวย ดังนั้นลูกจ้างที่ขายของให้สตรีที่มีเงินเหล่านี้ต่างต้องมีรูปลักษณ์ดึงดูดใจลูกค้าเช่นกัน
มู่ซืออวี่เห็นว่าที่นี่มีลูกจ้างอยู่ไม่น้อย พวกนางล้วนมีลูกค้าให้คอยต้อนรับ เห็นได้ชัดว่ากิจการที่นี่ดีมาก อยู่ภายใต้สิ่งแวดล้อมเช่นนี้แต่พวกนางก็ไม่คิดดูถูกผู้อื่น ทำให้มู่ซืออวี่ตั้งตารอที่จะได้พบกับผู้จัดการของที่นี่
“ฮูหยิน โปรดรอสักครู่“ ลูกจ้างร้านยิ้มแย้ม “ข้าขอไปถามนางก่อน”
มู่ซืออวี่ได้ยินเช่นนั้นก็ตอบรับ และเมื่อลูกจ้างร้านเดินไปหลังร้านเพื่อตามคน นางเองก็ได้แต่มองหาที่นั่ง
ครั้นมีคนนำน้ำชามาให้ มู่ซืออวี่จึงกล่าวขอบคุณพลางรับถ้วยน้ำชามาถือไว้
“แม่นางหรูอวิ๋น เกิดอะไรขึ้นกับหอหลิงอวิ๋นของพวกเจ้า? นี่เจ้าปล่อยให้คนประเภทไหนก็เข้ามาได้งั้นรึ?” น้ำเสียงแข็งกร้าวพลันดังขึ้น
“แม่นมเฟิง หอหลิงอวิ๋นของเรามีกฎในการดูแลลูกค้า เพียงแค่ท่านก้าวเท้าผ่านประตูของหอหลิงอวิ๋นเข้ามา ท่านก็คือลูกค้าของเราแล้ว แม้ว่าท่านจะเข้ามาเพื่อดื่มน้ำสักแก้ว พวกเราก็จะปฏิบัติต่อท่านอย่างดี” แม่นางหรูอวิ๋นตอบอย่างสุภาพนิ่มนวล
“พวกเจ้าช่างใจกว้างนัก คนประเภทไหนก็ปล่อยให้เข้ามาได้ ไม่กลัวว่ากลิ่นเหม็นเน่าที่คละคลุ้งไปทั่วจะมาติดแขกผู้มีเกียรติทุกท่านเลยสักนิด” แม่นมเฟิงมองมู่ซืออวี่ด้วยสายตารังเกียจ
มู่ซืออวี่หยิบชาขึ้นมาดื่มด้วยความเพลิดเพลิน ก่อนจะพูดอย่างเกียจคร้านว่า “ แม่นมอาวุโสท่านนั้นพูดถูกแล้ว หอหลิงอวิ๋นของพวกท่านน่ะช่างใจกว้างนัก ใคร ๆ ก็เข้ามาได้ บางคนเบื้องหน้าอาจดูเป็นแม่นม แต่เบื้องหลังไม่รู้ว่าเขาคนนั้นทำเรื่องอะไรไว้ หอหลิงอวิ๋นก็ยังต้อนรับเขาด้วยความสุภาพเช่นนี้”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!” สีหน้าของแม่นมเฟิงครึ้มลง
“ข้าพูดอะไรน่ะหรือ? ข้าไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย!” มู่ซืออวี่ยิ้มให้แม่นมเฟิง
เวลานี้ชิวซวงได้เดินกลับมาพร้อมกับสาวน้อยนางหนึ่ง ครั้นเห็นมู่ซืออวี่กำลังมีเรื่องวิวาทจึงคิดอยากจะเข้าไปห้ามทัพสงบศึก แต่สาวน้อยที่มาด้วยกันนั้นได้ห้ามนางเอาไว้
“คุณหนู ฮูหยินท่านนี้เมื่อสักครู่ยังสุภาพมีมารยาทดีอยู่เลย ไม่มีวี่แววที่จะก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับใคร คิดไม่ถึงว่าเพียงชั่วพริบตาก็ก่อเรื่องเสียแล้ว ให้ข้าเชิญออกไปดีไหมเจ้าคะ?” ชิวซวงกล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...