หลังจากทำข้อตกลงทางธุรกิจเรียบร้อย มู่ซืออวี่ก็ไม่ได้อยู่ต่อ นางกล่าวคำอำลา เจิ้งซูอวี้จึงไปส่งมู่ซืออวี่ชั้นล่างและปล่อยส่วนที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของชิวซวง
“ฮูหยิน อาจารย์ลู่กำลังรอท่านอยู่ที่ห้องชงชาเจ้าค่ะ” ชิวซวงกล่าว
“ขอบคุณแม่นางชิวซวง” มู่ซืออวี่กล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ
“ใช่แล้ว มีประโยคหนึ่งที่ข้าไม่รู้ว่าควรพูดดีหรือไม่?” เจิ้งซูอวี้กล่าว
“แม่นางซูอวี้พูดมาเถอะ”
“เมื่อครู่ข้าบังเอิญได้ยินที่ท่านพูดกับแม่นมท่านนั้น ข้าไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร”
มู่ซืออวี่เหลือบมองไปทางห้องโถงของร้าน เมื่อไม่เห็นแม่นมท่านนั้นแล้ว นางก็ไม่ได้ปกปิดมันอีกต่อไป และพูดในสิ่งที่นางสังเกตเห็น
“ข้าได้ยินพี่เลี้ยงคนนั้นคุยกับแม่นางหรูอวิ๋นในร้าน สำเนียงของแม่นมท่านนั้นดูไม่เหมือนคนเมืองเลย ถึงนางจะเลียนแบบได้ดี แต่ข้าก็ยังคิดว่ามันแปลก ๆ นอกจากนี้ นิ้วชี้กับนิ้วกลางของนางยังยาวมาก ผิวก็ยังดูด้าน ใบหน้าก็ดูน่ากลัว หากเป็นแม่นมของครอบครัวที่ธรรมดาจริง ข้าเกรงว่าคงจะคบค้ากับครอบครัวนี้ยากแล้ว”
“ข้าแค่พูดตามที่คิด ข้าไม่รู้ว่าแม่นมท่านนั้นร้อนตัวอะไร หากแม่นางซูอวี้ต้องการร่วมกิจการกับพวกเขาก็ลองตรวจสอบให้ดี ๆ แล้วค่อยตัดสินใจจะดีกว่า”
ผู้ที่ทำกิจการต้องระมัดระวังให้มาก เพราะคำสั่งเดียวอาจทำให้หนึ่งปีหรือสองสามปีนั้นไร้ประโยชน์ไปเลยก็ได้ ฉะนั้นต้องลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด
สิ่งที่มู่ซืออวี่ไม่ได้พูดคือดวงตาของแม่นมท่านนั้นเหม่อลอยหลังจากเข้ามาในร้าน อีกฝ่ายไม่สามารถซ่อนความโลภที่อยู่ในแววตาได้ คนแบบนี้มองแวบแรกก็ดูไม่ใช่คนที่ไม่ดี การระวังตัวไว้ก่อนนั้นย่อมดีเสมอ
“ขอบคุณแม่นางซืออวี่ที่เตือนข้า” เจิ้งซูอวี้กล่าว “เมื่อครู่ข้าได้ยินท่านบอกว่าพาแพะป่ามาที่นี่ วันนี้ครอบครัวของข้าจะจัดงานเลี้ยง ท่านไม่ขายแพะตัวนี้ให้ครอบครัวพวกข้าเล่า?”
เหตุใดมู่ซืออวี่ถึงจะไม่รู้ว่านี่คือความหวังดีของเจิ้งซูอวี้?
แน่นอนว่านางไม่ปฏิเสธ
สำหรับครอบครัวใหญ่นั้น แพะป่าตัวเดียวคงไม่พอ แต่เจิ้งซูอวี้เป็นนักธุรกิจที่ตั้งใจจะคบค้าสมาคมกับนาง และสนใจในงานฝีมือของนางจึงได้ช่วยซื้อไว้ให้
เจิ้งซูอวี้สั่งให้ชิวซวงจัดการส่วนที่เหลือ จากนั้นก็กลับไปที่ชั้นสองเพื่อจัดการกับสิ่งของในร้านต่อ
ตอนที่มู่ซืออวี่ออกมาพร้อมกับถุงเหรียญทองแดงใบใหญ่ ลู่อี้ก็กำลังรอนางอยู่โดยการหันหลังให้ร้านค้า
นางตบไหล่เขาแล้วยื่นเหรียญเงินให้เขา “นี่ 12 ตำลึง”
ลู่อี้รับมา
นี่คือเงินค่ายาของลู่เซวียน หากจ่ายไปก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
มู่ซืออวี่ชูกระเป๋าในมือพลางส่ายไปมา “ขายไป 480 อีแปะ ข้าได้กำไรด้วยล่ะ”
หากนางมีหาง นางคงกระดิกหางอย่างมีชัยไปแล้ว
ลู่อี้ยิ้มมุมปากพลางส่งเสียงพอใจในลำคอ
ชิวซวงพูดเบา ๆ ว่า “ฮูหยิน อาจารย์ลู่ ชิวซวงคงไม่ได้ไปส่งท่านสองคนนะเจ้าคะ”
“แม่นางชิวซวง ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ” มู่ซืออวี่โบกมือ “พวกข้าไปก่อน”
ลู่อี้มองมู่ซืออวี่ที่เดินอยู่ด้านหน้า
นางอารมณ์ดีกับทุกเรื่อง ตอนนี้นางกำลังหายใจเป็นคำว่า ‘ข้ามีความสุขมาก’ ออกมา เขาเองก็พลอยรู้สึกถึงความพอใจนี้ไปด้วย
“วันนี้พวกเรามากินอะไรที่ต่างไปจากเดิมกันเถอะ!” มู่ซืออวี่หยุดอยู่หน้าแผงขายเนื้อ “หัวหมู หางหมู ขาหมู…”
“ของพวกนี้ไม่มีเนื้อนะ” ลู่อี้ลังเล
“แต่ก็อร่อยนี่” มู่ซืออวี่หันกลับมามองเขา “เชื่อข้าสิ มันอร่อยจนทำให้เจ้าทนไม่ไหวแน่นอน”
“อืม” ลู่อี้พยักหน้า “ตกลง”
มู่ซืออวี่หัวเราะ จากนั้นจึงหันไปพูดกับคนขายเนื้อ “หัวหมู หางหมู ขาหมู เครื่องในหมู เลือดหมู ตับหมู ข้าเอาทั้งหมด”
“ฮูหยิน ของพวกนี้ไม่อร่อยนะขอรับ” คนขายเนื้อเห็นดังนั้นจึงโน้มน้าว “ซื้อเนื้อดี ๆ กลับไปจะดีกว่านะขอรับ”
“ข้าเอาพวกนี้แหละ ทั้งหมดเท่าไหร่?”
“เช่นนั้นข้าจะให้ราคาถูก เอาไปเลย 15 อีแปะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...