หลังอาหารเย็น มู่ซืออวี่ยุ่งอยู่กับการจัดการกับเต้าหู้เหล่านั้น ส่วนลู่ฉาวอวี่ช่วยจุดไฟและขนย้ายสิ่งของ
แม้ว่าลู่ฉาวอวี่จะไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้อยู่โดยเปล่าประโยชน์ เขาเห็นอะไรก็ช่วยหมด
“ดึกแล้ว เจ้าไปนอนก่อนเถิด”
มู่ซืออวี่จุดเทียนไขแล้ววางไว้บนเตา
“ข้าไม่ง่วง”
ลู่จื่ออวิ๋นขยี้ตา เสียงหวานของนางลากยาว หาวออกมาเป็นครั้งคราว
มู่ซืออวี่กอดลู่จื่ออวิ๋นเอาไว้พลางเอ่ยเสียงจริงจัง “หากไม่เข้านอนให้เร็วจะไม่สูงนะ”
“แต่ท่านแม่ลำบากอยู่คนเดียว” ลู่จื่ออวิ๋นกอดคอมู่ซืออวี่ “อวิ๋นเอ๋อร์จะอยู่กับท่านแม่”
“ไม่ต้องหรอก ข้าไม่คิดว่ามันลำบากเลย”
นางวางลู่จื่ออวิ๋นลงบนเตียง ตบหน้าอกของเจ้าตัวแล้วเอ่ยเสียงเบา “ตราบใดที่เจ้ากินอิ่ม นอนหลับสบาย ค่อย ๆ เติบโต เช่นนั้นจะเป็นการช่วยข้ายิ่งกว่า”
“ท่านแม่…” ลู่จื่ออวิ๋นเอียงใบหน้าเล็ก ๆ ของตนซบกับฝ่ามือของมู่ซืออวี่ “ข้าจะเชื่อฟัง ท่านแม่อย่าไปนะ”
หลังจากเกลี้ยกล่อมลู่จื่ออวิ๋นจนหลับไป พอกลับมาก็เห็นว่าลู่ฉาวอวี่ยังคงนั่งจุดไฟอยู่ที่นั่น มู่ซืออวี่ไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย
“เจ้าก็ไปนอนเถิด” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าไม่ได้ยุ่งยากอะไร ข้าอยู่คนเดียวได้”
“ท่านพ่อกับท่านอาไม่อยู่ ข้าเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านทำงานคนเดียว” ลู่ฉาวอวี่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฮ่าฮ่า”
มู่ซืออวี่หัวเราะออกมา
ลู่ฉาวอวี่จึงจ้องนางอย่างไม่พอใจ
มู่ซืออวี่โบกมือ “ข้าขอโทษ ข้าไม่อยากหัวเราะหรอกนะ แต่ข้ากลั้นไว้ไม่อยู่”
เด็กน้อยไม่รู้อะไร อายุเพียงไม่เท่าไหร่ ตัวแค่เอวนางแต่ดูเหมือนผู้ใหญ่ในร่างเด็ก แล้วจะไม่ให้นางตลกได้อย่างไร?
“ขำอะไรนักหนา?” ลู่ฉาวอวี่แสดงความไม่พอใจขึ้นมา
“จะไม่นอนจริงหรือ?”
“ไม่นอน”
“งั้นก็อยู่กับข้า”
หลังจากอยู่ด้วยกันมานาน ลู่ฉาวอวี่ก็เข้าใจอารมณ์ของตัวเอง ถ้าเขาเกิดดื้อรั้นขึ้นมาก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้ รวมถึงท่านพ่ออันเป็นที่รักของเขาด้วยเช่นกัน
ลู่ฉาวอวี่นั่งอยู่หน้าเตา มองดูเปลวไฟที่อยู่ในเตา และเริ่มตกอยู่ในภวังค์ของตน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด มู่ซืออวี่ก็เดินมาหาเขา จากนั้นก็คีบฟืนออกจากเตา ไม่นานนักเตาก็ดับลง
จากนั้นลู่ฉาวอวี่ก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เด็กชายมองรูปร่างที่ดูผอมบางลงและสีหน้าอันแสนอ่อนโยนของคนตรงหน้า
“ข้าเรียกหาเจ้าตั้งหลายครั้ง แต่เจ้าก็ไม่ขานรับ เจ้าคิดอะไรอยู่?”
“ข้าจะไปนอน”
ลู่ฉาวอวี่หรี่ตาลงพลางผละออกไป
มู่ซืออวี่ถอนหายใจเบา ๆ “ความคิดของเด็กน้อยผู้นี้ อย่าไปคาดเดาเลย คาดเดาไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”
ก่อนรุ่งสางในวันรุ่งขึ้น มู่ซืออวี่ยืนอยู่ที่ประตูและพูดกับลู่ฉาวอวี่ว่า “ฉาวอวี่ ข้าจะไปในเมือง เจ้าดูแลน้องสาวอยู่บ้านนะ มีอาหารเช้าอุ่น ๆ ในหม้อ เจ้ากับน้องสาวตื่นมาก็กินได้เลย”
มู่ซืออวี่แน่ใจว่าลู่ฉาวอวี่ได้ยิน นางจึงเก็บข้าวของและเตรียมที่จะออกไป
นางมีเวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น ช่วงบ่ายต้องกลับมาช่วยเหยาซื่อจัดเตรียมงานเลี้ยงในงานแต่งของวันพรุ่งนี้ นางทำหีบเพิ่มอีกสองใบ และหลังจากขายเต้าหู้แห้งหมดจึงไปดูที่หอหลิงอวิ๋น
วันนี้ไม่ใช่วันที่มีตลาดนัด นางไม่รู้ว่าตัวเองจะได้กำไรหรือไม่ ทว่าอย่างไรแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป หากแย่ที่สุดก็อาจจะเสียเวลา แต่หากโชคดีก็อาจสามารถทำเงินได้สัก 5 หรือ 10 อีแปะ
ลู่ฉาวอวี่เปิดประตูและเดินออกมา เด็กชายผู้มีเส้นผมสีดำสนิทกำลังยืนมองนางอยู่เงียบ ๆ
ตอนนี้ยังไม่สว่าง แสงจันทร์ยังส่องสลัว แต่ไม่กระทบกับการมองเห็นของพวกเขา
“เจ้าออกมาทำไม?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“ข้าจะไปกับท่าน”
“ไม่ได้ เจ้าต้องอยู่ดูแลน้องสาว”
“ข้าฝากน้องไว้กับท่านยายกับท่านน้าแล้ว ข้าจะไปด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...