เมื่อแยกจากเฉินซื่อที่หน้ากระท่อมของลู่อี้ ถงซื่อก็เปิดประตูเข้าไปด้านใน
มู่ซืออวี่เห็นว่าผู้เป็นแม่ตัวเปียกเหงื่อ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดรุ่ยหลายจุดก็เอ่ยถาม “ตกน้ำมาหรือ?”
“เฮ้อ” ถงซื่อจึงได้เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วกล่าวทิ้งท้ายว่า “หากไม่ใช่เพราะข้า เฉินซื่อก็คงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ หน้าของนางยังมีรอยเล็บอยู่เลย”
“คนในหมู่บ้านเกลียดฝีปากจงซื่อกันทั้งนั้น ไม่น่าแปลกใจที่พี่เฉินทำแบบนั้น ไม่ใช่เพียงแค่พี่เฉินผู้เดียวที่เกลียดชังนางเสียหน่อย” มู่ซืออวี่กล่าว “ดูท่าว่าพี่เฉินทำไปเพื่อช่วยท่านน่ะสิ ท่านแม่ เต้าหู้เย็นวางอยู่นั่นน่ะ เอาไปแบ่งพวกเขาเถอะ”
ปกติแล้วนางมักจะเอาเนื้อตุ๋นไปฝากเฉินซื่อเสมอ แต่เฉินซื่อรู้สึกเกรงใจเกินกว่าจะรับไหว และเพื่อแทนคำขอบคุณ นางจึงสั่งให้ผู้เป็นแม่นำเต้าหู้ไปแบ่งให้แทน เต้าหู้เย็นเป็นของหายาก แม้แต่ในภัตตาคารเจียงซื่อก็ขายดีมาก เฉินซื่อและครอบครัวควรจะได้ลิ้มลอง
ถงซื่อถือชามในมือพลางเคาะประตูบ้านของลู่ชุนเซิง
โดยปกติแล้ว สามีและลูกชายของเฉินซื่อมักจะเดินทางไปทำงานในเมืองหลวง แต่เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว พวกเขาก็จะเดินทางกลับมาที่บ้าน ส่วนในฤดูอื่นพวกเขาจะเข้าไปทำงานในเมืองเพื่อหารายได้ มีเพียงเฉินซื่อและลู่เจินเจินเท่านั้นที่อยู่ประจำที่นี่
“มาแล้ว” ลู่เจินเจินเดินออกมาเปิดประตู
เมื่อเห็นถงซื่อ นางก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ป้าถง เชิญด้านในก่อนเถอะ”
“ไม่ต้องหรอก” ถงซื่อเอ่ย “นี่คือเต้าหู้เย็นที่ครอบครัวเราปรุง ข้าแบ่งให้พวกเจ้าชิมดู กินเป็นมื้อเย็นก็ดีนะ วัตถุดิบหายากเชียวล่ะ อย่าปฏิเสธข้าเลย”
“ฝีมือการทำอาหารของพี่อวี่ไม่เคยธรรมดา ตอนนี้พวกข้าหิวโซจนแทบอดตายอยู่แล้ว จะให้ปฏิเสธได้อย่างไร?” แววตาของลู่เจินเจินเป็นประกาย “แต่พี่สะใภ้ย้ำไม่ให้ข้ารับของจากพวกท่าน ได้ของจากบ้านท่านทุกวันข้าก็ละอายใจนะ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก”
“อย่างไรเราก็เพื่อนบ้านกัน ข้าเพียงอยากให้เจ้าได้ลิ้มลองอาหารรสเลิศ เอาไปใส่ชามของพวกเจ้าเถอะ ข้าจะรอ” ถงซื่อกล่าว
แม้ลู่เจินเจินจะเป็นสตรีที่รู้จักเจียมตัว แต่ก็เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของถงซื่อ “ก็ได้เจ้าค่ะ ท่านป้าโปรดรอข้าสักครู่”
เฉินซื่อเดินออกมาหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสิ้น เมื่อเห็นลู่เจินเจินเดินเข้ามาในบ้านพร้อมชามในมือ จึงเหลือบมองถงซื่อที่กำลังรอคอยอยู่หน้าประตูด้วยความไม่พอใจ
ลู่เจินเจินแลบลิ้นด้วยท่าทีหยอกล้อพลางเดินถือชามเข้าไปในห้องครัว
“ท่านป้า บอกแม่ฉาวอวี่ให้หน่อยว่าไม่ต้องแบ่งปันให้เราแล้ว นางดูแลเราเป็นอย่างดี จะให้ข้าเป็นภาระชีวิตแต่งงานของนางได้อย่างไร?” เฉินซื่อกล่าวอย่างหมดหนทาง
“ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร นี่เป็นของหายากที่นางอยากจะให้ อย่าลังเลที่จะรับไว้เลย! ยินดีเถอะ” ถงซื่อกล่าว “เมื่อครู่ข้าเห็นว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ เจ็บมากหรือไม่?”
“ไม่เป็นอะไร รอยข่วนเพียงไม่กี่ครั้งจะทำอะไรข้าได้? คิดเสียว่าข้าถูกแมวข่วนเถอะ” เฉินซื่อกล่าวอย่างเฉยเมย
ลู่เจินเจินเดินออกมาพร้อมชามเปล่าใสกิ๊ง
“ท่านป้า ขอบคุณมากเจ้าค่ะ!” ลู่เจินเจินกล่าวด้วยความนอบน้อม
“ด้วยความยินดี งั้นข้าต้องขอตัวก่อน”
เมื่อถงซื่อเดินพ้นประตู เสียงพร่ำบ่นของเฉินซื่อที่มีต่อลู่เจินเจินก็ดังขึ้น “เจ้ารับไว้ได้อย่างไร เจ้าเองก็รู้ว่าชีวิตครอบครัวของลู่อี้ลำบากเพียงใด เหตุใดจึงไม่เห็นใจพวกเขา ข้าบอกอย่ารับของจากพวกเขา เหตุใดเจ้าถึงไม่ฟัง?”
“พี่ซืออวี่ทำอาหารอร่อยจะตาย เหตุใดจึงต้องปฏิเสธเล่า?” ลู่เจินเจินกล่าว “หากมันผิดถึงเพียงนั้น ข้าจะไปขอโทษพี่อวี่ ซักเสื้อผ้าให้นางเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน”
…
แค่กแค่ก!
เสียงไอหนักหน่วงดังขึ้น
ถงซื่อมองไปตามทิศทางของเสียง เมื่อเห็นเจ้าของเสียงนั้น นางก็หันกลับมาพร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“แม่หานเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าดังขึ้น
ถงซื่อเดินต่อไป
“ภรรยา” น้ำเสียงของชายผู้นั้นสั่นเครือ น่าเวทนาราวกับสุนัขที่ถูกทอดทิ้ง
ถงซื่อหยุดเดินทันที นางกล่าวอย่างแผ่วเบาโดยไม่หันกลับมามอง “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“ข้า… ข้ามาหาเจ้า” มู่ต้าซานกล่าวอย่างเศร้าใจ “ข้าป่วย ป่วยทั้งกายทั้งใจ หากมีเจ้าอยู่ด้วย เจ้าคงขึ้นไปบนภูเขาเพื่อหาสมุนไพรมาให้ข้า สมุนไพรที่เจ้าเคยนำมาให้ก่อนหน้ามีประโยชน์มาก แต่ข้ากลับได้กินเพียงสองครั้งเท่านั้น ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง มีแค่เจ้าที่ห่วงใยข้าและครอบครัวของเรา แม่ของข้า… ไม่ยอมจ่ายเงินสักอีแปะเพื่อให้ข้าได้พบหมอด้วยซ้ำ”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า” ถงซื่อกล่าวพลางหลบตา “ข้าไม่ใช่สะใภ้ของครอบครัวเจ้าแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องครอบครัวเจ้ากับข้าอีก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...