“พี่เขย เดินทางไปพบหมอราบรื่นหรือไม่?” มู่เจิ้งหานเอ่ยถาม ทำลายบรรยากาศขมุกขมัวระหว่างทานข้าว
“ก็ดี” ลู่อี้ไม่ได้เอ่ยอะไรมากนัก “หมอบอกว่าสุขภาพของลู่เซวียนดีขึ้น ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ”
“เรื่องดีนี่” มู่ซืออวี่ยืนขึ้น “ข้าซื้อเหล้ามาทำอาหาร เราเอามาดื่มฉลองด้วยกันดีกว่า”
นัยน์ตาลู่อี้คลอไปด้วยประกายอีกครั้ง
เพราะปัญหาสุขภาพ ลู่เซวียนจึงมีสีหน้าเศร้าหมองและเฉยเมยอยู่เสมอ สิ่งที่ได้ทราบจากหมอในวันนี้ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมา เขาจึงไม่ได้เอ่ยคัดค้าน
ไม่มีใครกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหน้ากระท่อมในตอนนี้เลย
มู่ต้าซานแสร้งยอมจำนนต่อถงซื่อ แม้ถงซื่อจะไม่รับรู้หรือเห็นด้วยตาของตน แต่ทุกคนรับรู้ได้ชัดเจน ไม่มีใครเห็นอกเห็นใจเขาสักนิด
ลู่อี้ดื่มเหล้าไปสองสามแก้วอย่างอารมณ์ดี
“เต็มจอก” มู่ซืออวี่ยื่นจอกเหล้าให้ลู่อี้
ลู่อี้มีท่าทีลังเล “เจ้าดื่มเหล้ามากได้หรือ?”
“เจ้าดูถูกข้าหรือ?”
เหล้าในยุคโบราณทำจากข้าว ไม่มีแอลกอฮอล์มากนัก ดื่มไปก็ไม่มีปัญหา
ลู่อี้รินเหล้าให้จนเต็มแก้ว
เมื่อเห็นลูกสาวดื่มโดยไม่ลดละ ถงซื่อก็รู้สึกเป็นกังวล “ลูกอวี่ อย่าดื่มมากถึงเพียงนั้น เดี๋ยวจะเมามายเอา”
“ถ้าเมาข้าก็จะไปนอน วันนี้ไม่มีงานให้ทำมากนัก” มู่ซืออวี่กล่าว “ที่ผ่านมาข้าง่วนกับงานทั้งวัน ให้ข้าพักผ่อนสักวันไม่ได้หรือ? อีกอย่าง วันนี้ท่านไม่มีความสุขหรือ?!”
“ข้าดีขึ้นแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า? เหตุใดเจ้าถึงยินดีนัก?” ลู่เซวียนกล่าวด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าเป็นเหมือนน้องชายของข้านั่นแหละ หากเจ้าสุขภาพดีก็จะได้แต่งงานในไม่ช้า ทีนี้ข้าก็ไม่จำเป็นต้องปรนนิบัติเจ้าอีกต่อไป แล้วเหตุใดข้าจะไม่มีความสุขเล่า?” มู่ซืออวี่เอ่ยวาจาเสียดสีอย่างไม่ยอมแพ้
คำพูดนี้ทำให้ลู่เซวียนใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“เจ้า… เจ้าไร้อย่างอายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? หญิงผู้นี้… เหตุใดถึงเอ่ยวาจา…”
แต่งงานอะไรกัน?
เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
“ไฉนถึงหน้าแดง ข้าพูดเช่นนี้แล้วอย่างไร ไม่ใช่ความจริงหรือ?” มู่ซืออวี่ตบไหล่ลู่เซวียน “อย่าห่วงเลย ข้าในฐานะพี่สะใภ้ของเจ้าจะช่วยหาสตรีที่เหมาะสมให้แก่เจ้าเอง รับรองได้ว่าเจ้าจะพอใจจนต้องเอ่ยขอบคุณข้า”
“ท่านพี่ ข้าไม่ยอมให้นางทำเช่นนั้นหรอกนะ” เมื่อเห็นว่าไม่อาจโต้เถียงมู่ซืออวี่ได้ ลู่เซวียนจึงขอความช่วยเหลือจากลู่อี้
ลู่อี้จิบเหล้าด้วยท่าทีผ่อนคลาย ไร้ความเคร่งเครียดอย่างที่เคยเป็น
“พี่สะใภ้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ควรจะเป็นเช่นนั้นนั่นแหละ”
“พวก… พวกท่านรังแกข้า!” ลู่เซวียนกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว
หลังมื้อเย็น ถงซื่อก็เก็บข้าวของบนโต๊ะอาหาร เหลือไว้เพียงหมูตุ๋นและอาหารเย็นสำหรับขี้เมาทั้งสอง
คนอื่น ๆ ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเพื่อไปทำธุระของตน
ลู่จื่ออวิ๋นออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อน แตกต่างจากลู่ฉาวอวี่ที่ออกไปเก็บฟืนเพื่อขายในทุกวัน ทว่ามีเพียงลู่จื่ออวิ๋นเท่านั้นที่รู้
ลู่เซวียนกลับไปยังห้องนอนของตนด้วยความเหน็ดเหนื่อย
โต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้เหลือเพียงสองชายหญิงที่ดื่มเหล้ากันอยู่
มู่ซืออวี่วางมือบนไหล่ลู่อี้ “เหตุใดจึงไม่ดื่ม? มัวคิดอะไรอยู่? ดื่มเสีย!”
ลู่อี้ชะงักไปครู่หนึ่ง จ้องมองไปยังหญิงสาวด้านข้างด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
น้ำหนักของนางลดลงแล้ว ใบหน้าคมชัดมากขึ้นด้วยเช่นกัน
“มองอะไร? ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ?” มู่ซืออวี่หน้ามุ่ยพลางกล่าวต่อไปว่า “ข้ารู้สึกคุ้นเคยเจ้ามาก ราวกับเคยได้พบที่ใดมาก่อน อืม…”
ลู่อี้รู้ได้ทันทีว่านางเมาหนัก
นางเลือกซื้อเหล้าที่ดีที่สุดในเมือง ดูเหมือนว่านางจะทำเงินได้มากในขณะที่เขาไม่อยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...