ปั้ก! ปั้ก! ปั้กปั้กปั้กปั้ก!
ค้อนไม้ถูกทุบลงไปบนผ้าจนน้ำสาดกระเซ็น น้ำข้าง ๆ เจือไปด้วยฟองที่หลงเหลือจากสบู่ซักล้างจำนวนมาก
“แม่ฉาวอวี่ เจ้าก็มาซักผ้าหรือ?”
หญิงออกเรือนแล้วคนหนึ่งวางถังลงข้างนางพลางนั่งยอง ๆ ห่างจากนางไม่กี่ก้าว
“ใช่แล้ว! อาถัง” มู่ซืออวี่ปาดเหงื่อแล้วทักทายด้วยรอยยิ้ม
“เจ้ารู้จักข้ารึ?” ถังซื่อประหลาดใจ
“คราวก่อนพี่ต้าจู้แต่งภรรยา อาถังก็ไปช่วยไม่ใช่หรือ? ท่านมือไม้คล่องแคล่ว ทำสิ่งใดก็รวดเร็ว ข้ายังมองแล้วมองอีก อยากจะครูพักลักจำมาสักหน่อย”
มู่ซืออวี่พูดอย่างมีอารมณ์ขัน ทำเอาถังซื่อหัวเราะคิกคักออกมา
สะใภ้คนอื่น ๆ เห็นบรรยากาศอันกลมเกลียวนี้ก็ทยอยเข้ามาร่วมด้วยคนแล้วคนเล่า
หากมู่ซืออวี่อยากผูกมิตรกับผู้ใด ย่อมมีวิธีเรียกเสียงหัวเราะครื้นเครงจากคนอื่น ๆ ถึงจะพบกันแค่ตอนซักเสื้อผ้าเท่านั้น ความประทับของคนอื่นที่มีต่อนางก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
“เมื่อครู่ข้าผ่านบ้านของย่าเจ้า เห็นมู่ซือเจียวกลับมาแล้ว ทั้งยังมีรถม้ามาส่งเสียดิบดี โอ้โฮ ท่าทางโอ้อวดเชียวล่ะ คนไม่รู้อาจจะคิดว่าเป็นบุตรสาวจากสกุลผู้ดีสกุลไหนซะอีก”
“งั้นรึ นางอยู่ในสกุลหลี่คงมีชีวิตที่ดี” มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ
“สาวน้อยคนนั้นเดิมทีก็หน้าตาสะสวย ก่อนหน้านี้ก็มีคนไม่น้อยมาทาบทามสู่ขอ แต่ท่านป้าเจียงคนนั้นก็ไม่ดีคนนี้ก็ไม่ชอบ ตั้งตารอให้นางปีนป่ายขึ้นสู่กิ่งไม้สูงใหญ่ ตอนนี้ดูแล้วยังพอมีโอกาส”
“แม่ฉาวอวี่ น้ำหนักเจ้าลดลงตั้งมาก สวยยิ่งกว่าเดิมเสียอีก”
“อย่างนั้นหรือ? ข้าไม่ทันได้สังเกตเลย” มู่ซืออวี่ ‘แสร้ง’ ทำเป็นถ่อมตัว
ไม่ได้สังเกต? แล้วที่วิ่งครึ่งชั่วโมงในตอนเช้าตรู่ทุกวี่ทุกวันคือฆ่าเวลางั้นรึ? ถ้าทำขนาดนี้แล้วยังไม่ผอม เช่นนั้นก็ควรร้องไห้แล้ว!
“ได้ยินมู่ซือเจียวพูดบ่อย ๆ ว่าสกุลหลี่ร่ำรวย ท่านรู้หรือไม่ว่าสกุลหลี่เป็นเช่นไร? ทุกเมื่อเชื่อวันข้าอยู่แต่ในหมู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน ไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก” มู่ซืออวี่เปลี่ยนเรื่อง
“สกุลหลี่น่ะหรือ…”
ครั้นซักผ้าเสร็จแล้ว มู่ซืออวี่ก็โบกมือลาทุกคน ก่อนจะกลับบ้านไปตากเสื้อผ้า
ทว่ายังไม่ถึงบ้าน ด้านหน้าก็มีแม่นางน้อยคนหนึ่งวิ่งเข้ามา แม่นางน้อยคนนั้นมองเห็นนางก็ร้องเรียกตั้งแต่ไกล “อาสะใภ้มู่ อวิ๋นเอ๋อร์ถูกรังแกแล้ว!”
“เอ้อร์หนิว พูดให้ชัด ๆ ใครรังแกอวิ๋นเอ๋อร์?” มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว
“มู่ซือเจียว” เอ้อร์หนิวชี้ไปข้างหน้า “อวิ๋นเอ๋อร์กับข้าไปเก็บไข่ไก่ป่าตรงตีนเขา กำลังจะกลับบ้านแต่พบมู่ซือเจียวระหว่างทาง นางยืนกรานว่าอวิ๋นเอ๋อร์ทำให้เสื้อผ้าของนางเปื้อน”
“นังมู่ซือเจียวคนนี้ เพิ่งกลับมาก็สร้างปัญหาให้มารดาผู้นี้แล้ว ข้าดูรังแกง่ายหรืออย่างไร”
มู่ซืออวี่โมโห วางถังผ้าลงบนพื้น มือก็ถกแขนเสื้อขึ้นบึ่งไปทางที่เอ้อร์หนิวบอก
เอ้อร์หนิวมองถังไม้บนพื้น แล้วมองเงาร่างของมู่ซืออวี่อีกครั้ง นางอยากจะย้ายมัน แต่กลับย้ายไม่ไหว ทำได้แค่ดึงถังไม้ไปซ่อนในพุ่มไม้ใกล้ ๆ อย่างทุลักทุเล จากนั้นจึงวิ่งกระหืดกระหอบตามไป
“ข้าไม่ได้ทำ! แม่ข้าพูดไว้แล้ว เรื่องที่ข้าไม่ได้ทำ ท่านอย่ามาปรักปรำข้า!”
ลู่จื่ออวิ๋นถูกมู่ซือเจียวหยิกและกำลังพยายามหลบหลีก แต่นางยังเล็ก ส่วนมู่ซือเจียวเป็นผู้ใหญ่ เด็กน้อยจึงไม่มีทางหลบกรงเล็บพ้นตั้งแต่แรก
บนตัวของเด็กหญิงมีรอยหยิกมากมาย เจ็บจนทนไม่ไหว ทำแข็งใจไม่ส่งเสียงสะอึกสะอื้นออกมา น้ำตากลับไหลพราก หากเป็นคนปกติก็คงจะต้องทำใจลงไม้ลงมือกับเด็กไร้เดียงสาเช่นนี้ไม่ลง
แต่คนอย่างมู่ซือเจียวจะเป็นคนปกติได้อย่างไร?
มู่ซือเจียวมองลู่จื่ออวิ๋นที่ยิ่งโตก็ยิ่งมีน้ำมีนวล ดวงตาของนางฉายแววริษยา
ใช่! นางอิจฉาเด็กคนนี้
ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิด เพราะตอนนั้นลู่จื่ออวิ๋นผอมกะหร่อง ขี้กลัวหัวหด พูดจาละล่ำละลัก ทว่ากลับพบว่าเด็กคนนี้ยิ่งโตขึ้นยิ่งน่ามอง โดยเฉพาะรอยยิ้มในแววตาที่ซ่อนไว้ไม่มิด
ไม่ใช่ว่าอยากจะโตมาเป็นสตรีมีเสน่ห์เย้ายวนหรอกนะ?
“มู่ซือเจียว นังหญิงสารเลว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุเข้ามาเป็นวายร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะ ขอบคุณแอดที่ลงให้อ่านนะคะ แต่ถ้าลงวันละ 10 ตอนจะดีมากเลยค่ะ รออ่านอยู่นะคะ...
รออ่านบทต่อไปค่ะ...