ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 71

เจ้าสามมองไปยังภาพการออกแบบอย่างลวก ๆ ที่วาดโดยซือลั่ว ภาพวาดนั้นวาดได้ยากเกินกว่าจะอธิบายอย่างแท้จริง แต่ด้วยคำอธิบายกำกับโดยละเอียดที่อยู่ด้านข้างผนวกกับคำอธิบายของนาง เจ้าสามจึงเข้าใจ

หลังจากที่ซือลั่วพูดจบปากก็แห้งผาก นางรินน้ำให้ตัวเองดื่มหนึ่งถ้วยและยังถือโอกาสรินให้เจ้าสามอีกหนึ่งถ้วยด้วย เจ้าสามลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงรับมาพร้อมกับกล่าว "ขอบคุณ"

ซือลั่วดื่มน้ำและมองดูถ้วยน้ำ ทันใดนั้นก็ยิ้มทันที "ข้ามีความคิดดี ๆ อีกหนึ่งอย่างแล้ว..."

เจ้าสามมองดูถ้วยชาในมือของตนแล้วโคลงมันไปมา "เกี่ยวข้องกับมันหรือ"

ซือลั่วมีความสุขแล้วเช่นกัน "เจ้าปราดเปรื่องถึงเพียงนี้ ควรรับเงินค่าแรงมากกว่านี้หน่อยนะ"

เจ้าสามลุกขึ้นพูดว่า "คราวที่แล้วที่เราคุยกันเรื่องที่จะร่วมลงทุน ผู้ดูแลร้านของเรากล่าวว่าเจ้าสามารถถือส่วนแบ่งได้เพียงสองในสิบส่วนเท่านั้น”

ซือลั่วตกตะลึงและลอบสบถด่าเว่ยฉงซีว่าช่างกลับกลอกแท้

แต่นางก็รู้ดีว่าแบ่งคนละครึ่งนั้นเป็นไปไม่ได้ ดูจากสภาพของเว่ยฉงซีกับพวกเขาเหล่านี้คงจะทำการค้าขายไม่เป็นเอาเสียเลย หลายปีมานี้ถึงได้จากแคลนเงินอย่างมาก ที่สามารถแบ่งให้นางสองในสิบส่วนได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

“ตกลง”

เจ้าสามคาดไม่ถึงว่านางจะตกลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้ เขายังกังวลว่าจะเกลี้ยกล่อมภรรยาตัวน้อยของนายท่านอย่างไรดีอยู่เลย ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้านายอย่างไร ตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะมีคุณธรรมขึ้นมาก

ในช่วงเวลาที่เหลือ ซือลั่วกับเจ้าสามทำขนมอบที่เหลืออยู่ไม่กี่อย่าง ทั้งสองคนเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว ยามที่กำลังจะจากไป ซือลั่วก็ได้ห่อขนมกลับไปหลายอย่างโดยไร้ซึ่งความเกรงใจอีกด้วย

เจ้าสามกล่าว "ออกไปทางประตูหลังเถอะ"

ซือลั่วพยักหน้า

ยามที่เดินกลับไปพร้อมกับถือขนมไปด้วยท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลง วันนี้นางอารมณ์ดีเพราะรู้สึกว่านางเข้าใกล้เป้าหมายของตนเองมากขึ้นอีกก้าวแล้ว นอกจากนี้ นางค้นพบว่าเว่ยฉงซีเป็นคนยากไร้อย่างแท้จริง ดูจากการที่นางเอ่ยเงื่อนไขในการซ่อมแซมนั่น แล้วเจ้าสามเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนจะเป็นเพราะขาดแคลนเงิน

นางถอนหายใจ ชั่วขณะนั้นไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี สำหรับเว่ยฉงซีนั้นนางรู้สึกทั้งแค้นทั้งสงสาร

ซือลั่วส่ายหัวเลี้ยวไปทางตรอกเล็ก ๆ ถนนใหญ่อยู่ด้านหน้า นางกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่จึงไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนกำลังตามนางมา ชายผู้นั้นถือกระสอบอยู่ในมือและกำลังจะคลุมลงไป ทันใดนั้นก็ถูกคนผู้หนึ่งดึงตัวไว้พร้อมกับถูกปิดปากโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ แล้วลากตัวไปจนไกลลิบ

ซือลั่วได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงหันกลับไปและเหลือบมองตรอกเล็ก ๆ ที่ว่างเปล่าแวบหนึ่งด้วยความสงสัย “หรือว่าตัวข้าฟังผิดไป”

นางเกาหัวแล้วเร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้น

ซือลั่วถูกพาตัวกลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่คนที่ถูกลากออกไปกลับอยู่ในอาการงุนงง เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองถูกปิดตาและมัดไว้บนเก้าอี้

เขาพยายามดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่อาจหลุดพ้นออกไปได้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ใครกัน เป็นใครกันที่จับตัวข้า!”

เบื้องหน้าราวกับมีคนสองคนเดินไปเดินมา หนึ่งในนั้นกล่าวว่า “คนผู้นี้เป็นคนของใคร”

“ถามเอาก็รู้แล้ว"

ชายผู้นั้นเดินมาอยู่ด้านหน้าแล้วตบหน้าเขา "ใครส่งเจ้ามา"

“ข้า...เจ้ารีบปล่อยข้า ไม่เช่นนั้น หวังหยวนไว่จะไม่มีทางปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด” เขาตะโกนเสียงดัง

"หา…"

คนที่อยู่เบื้องหน้าหัวเราะเบา ๆ "มอบให้ข้าแล้วนะ"

“อย่าทำสวนหลังบ้านสกปรก”

“วางใจเถิด”

เขาตะโกนด้วยความหวาดกลัว "พวกเจ้าเป็นคนของใคร หากปล่อยข้าไปเสียหวังหยวนไว่จะให้เงินพวกเจ้า"

คอเสื้อถูกคว้าขึ้นมาและลากไปยังลานหลังบ้าน

ในไม่ช้า ทั้งลานหลังบ้านก็ไร้ซึ่งสุ่มเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น

เมื่อซือลั่วกลับถึงบ้านก็เห็นว่าเว่ยฉงซีไม่ได้อยู่ในลานบ้าน เดาว่าเขาน่าจะกลับไปที่ห้องแล้ว นางจึงเข้าไปในครัว เคี่ยวโจ๊กและเตรียมขนมอบเพื่อทานคู่กับโจ๊ก

เมื่อเคี่ยวโจ๊กอยู่ในหม้อ นางจึงไปลานบ้านและเรียกเว่ยฉงซีหนึ่งที

ไม่มีใครตอบกลับ

ซือลั่วสงสัยจึงผลักประตูเข้าไป ก็เห็นเว่ยฉงซีนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนโดยหันหลังให้นาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน