ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน นิยาย บท 73

ซือลั่วกำลังดูของอย่างอื่นในร้านอยู่ แม้ตัวนางเองจะใช้ไม่เป็น แต่ไม่มีสตรีคนไหนที่ไม่ชื่นชอบเครื่องทอง เงิน และหยกเหล่านี้หรอก ซือลั่วมองไปทางปิ่นปักผมทองอันงดงามอ่อนช้อยเหล่านั้น ทันใดนั้นก็คิดถึงปิ่นปักผมทองของเจ้าของร่างเดิมที่ถูกนางนำไปจำนำไว้ ตอนนี้นางมีเงินแล้วจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปไถ่คืน

หลังจากที่คิดเช่นนี้ ผู้ดูแลร้านก็ห่อปิ่นหยกเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ซือลั่วมองดูชิ้นอื่นอีก นางไม่ค่อยรู้เรื่องนัก พอดูไปแล้วทุกชิ้นก็งดงามมากไปหมด จึงชี้ไปยังปิ่นหยกที่แกะสลักเป็นดอกกล้วยไม้ที่อยู่ด้านบนแล้วถาม “แล้วชิ้นนี้ล่ะ”

"สี่ตำลึง” ผู้ดูแลร้านกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ซือลั่วพยักหน้า "ข้าลองปักมันหน่อยได้ไหม"

ผู้ดูแลร้านพยักหน้า “ได้”

ซือลั่วหยิบปิ่นขึ้นมาทาบดูสองครั้ง แล้วกล่าว “ข้าเกล้าผมไม่เป็น”

ผู้ดูแลร้านตกตะลึง ในไม่ช้าก็เข้าใจว่าซือลั่วกำลังคิดอะไรอยู่ จึงไปยังห้องโถงด้านหลัง สตรีด้านในจึงออกมาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนอายุประมาณสามสิบปี หน้าตาสวยสดงดงามนัก เมื่อเห็นซือลั่วก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางเชิญนั่งทางนี้”

ซือลั่วนั่งลงตามที่นางบอก

สตรีผู้นั้นแก้ผมของนางออก หวีผมให้เรียบร้อย แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ผมของแม่นางทั้งดกดำและหายากมาก ไม่ทราบว่าต้องการเกล้าผมแบบไหน”

ซือลั่วไม่เข้าใจ ทำได้เพียงกล่าวว่า "เอาตามที่ท่านว่าเถิด ข้าแต่งงานแล้ว ไม่ควรไว้ผมมวยแบบสตรีที่แต่งงานแล้วหรอกหรือ"

สตรีผู้นั้นลพยักหน้าและกล่าวขอโทษ "เป็นข้าที่ล่วงเกินท่านแล้ว ควรจะเรียกท่านว่าฟูเหริน*สักคำ”(ฟูเหริน คำเรียกหญิงสาวที่แต่งงานแล้ว หรือ ภรรยา)

ซือลั่วพยักหน้าและกล่าวว่าดี

หลังจากพูดคุยกับสตรีผู้นั้นอีกหลายประโยค ซือลั่วก็ได้รู้ว่านางชื่ออวิ๋นไฉ่ บ้านอยู่ในเมืองแห่งนี้ อวิ๋นไฉ่เป็นคนช่างพูด แต่สิ่งที่นางเอ่ยก็ทำให้ผู้คนฟังแล้วรื่นหูอย่างมาก ซือลั่วจึงไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลย

ในไม่ช้ามวยผมของนางก็เกล้าเสร็จเรียบร้อย

ซือลั่วส่องกระจก แทบจะไม่อยากเชื่อสายตาของตนเอง

เดิมทีเจ้าของร่างเดิมก็ดูดีอยู่แล้ว เพียงแค่เมื่อก่อนแนวการแต่งตัวออกจะแหวกแนวไปสักหน่อย เพราะสีสันฉูดฉาดเกินไป ซือลั่วชอบแต่งกายแบบเรียบง่าย เมื่อผนวกกับทรงผมที่เหมาะสมด้วยแล้ว แทบจะดึงจุดเด่นของนางออกมาทั้งหมดเลยทีเดียว

ยิ่งนางมองดูก็ยิ่งพอใจมากขึ้น จนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมว่าฝีมือของอวิ๋นไฉ่ดี

ในตาของอวิ๋นไฉ่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่เมื่อเห็นว่าลูกค้าเบิกบานใจนางก็พลอยมีความสุขเช่นกัน

“งดงามมาก ฟูเหรินงดงามแต่กำเนิดโดยแท้” อวิ๋นไฉ่กล่าวชมเชย

ซือลั่วมองซ้ายมองขวาพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วพยักหน้า "ใช่ ข้างดงามมาแต่กำเนิด”

อวิ๋นไฉ่พูดไม่ออก

“ปิ่นปักผมที่ข้าต้องการมาถึงหรือยัง” จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

ซือลั่วรู้สึกคุ้นเคย ดังนั้นจึงอดที่จะเงยหน้าขึ้นไม่ได้ และประสานสายตาเข้ากับโจวซืออี้

ทั้งคู่ชะงักไปครู่หนึ่ง

ซือลั่วรู้สึกโชคไม่ดีที่ได้พบเขาที่นี่

แต่โจวซืออี้กลับรู้สึกตกตะลึงเมื่อได้เห็นซือลั่ว ในชั่วขณะนั้นเขาแทบจะจำไม่ได้ว่าคนตรงหน้าเขาคือซือลั่ว เขาเพียงแค่รู้สึกว่าคนตรงหน้างดงามมาก ราวกับคนงามที่เดินออกมาจากภาพวาด

ซือลั่วไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับเขา ดังนั้นจึงถามราคาปิ่นปักผม เมื่อจ่ายเงินเสร็จก็เตรียมที่จะจากไปทันที

โจวซืออี้จ้องมองนางเป็นเวลานานจึงได้สติกลับมา เขารู้สึกขัดแย้งในตัวเองอย่างมาก ด้านหนึ่งก็รู้สึกว่าซือลั่วงดงาม แต่อีกด้านหนึ่งกลับรู้สึกขยะแขยงนางเพราะนางคือซือลั่ว

โจวซืออี้เค้นเสียงเย็นชา "เจ้ามาทำอะไรที่นี่"

ซือลั่วยิ้มออกมาทันที เดิมทีนางก็งดงามอยู่แล้ว พอยิ้มแล้วจึงยิ่งงดงามขึ้นอีกหลายส่วน โจวซืออี้รู้สึกว่าวันนี้เจ้าซือลั่วที่สมควรตายราวกับไม่ใช่มนุษย์ เขาถูกรอยยิ้มชองนางทำให้ตาพร่าไปหมด

“นี่เป็นร้านที่ครอบครัวของเจ้าเป็นคนเปิดหรือ ข้าถึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา” ซือลั่วถาม

โจวซืออี้สำลัก เมื่อเห็นรอยยิ้มที่เย้ายวนของนาง ก็คิดว่าซือลั่วแต่งตัวเช่นนี้เพื่อยั่วยวนใครบางคนอย่างแน่นอน จึงกล่าวอย่างเย็นชาว่า "ไร้ยางอาย!"

ซือลั่ว "..."

นางสนับสนุนให้มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ แต่เงื่อนไขข้อแรกคือต้องเป็นมนุษย์

ในความคิดของนางโจวซืออี้ไม่ใช่มนุษย์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติ ข้าจะเป็นภรรยาขยัน