เมื่อโจวชิงไป๋ทำงานเสร็จแล้วกลับมาถึงบ้าน เขาก็เห็นภรรยามีดวงตาแดงก่ำ
เมื่อถามสาเหตุ ก็ได้ความว่าเธอทำซอสพริกมา
เรื่องนี้ทำให้ชายร่างใหญ่อย่างโจวชิงไป๋รู้สึกตื้นตันใจและสลดใจไปพร้อม ๆ กัน
“ทำไมคุณมองหน้าฉันแบบนี้ล่ะคะ? มันก็แค่งานหนักสองหรือสามวันนี้เอง แล้วฉันเองก็ชอบซอสพริกด้วย” หลินชิงเหอตอบ
จากนั้นเธอก็ให้เด็ก ๆ ล้างมือเตรียมมากินข้าว
เพราะการเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วงเริ่มต้นแล้ว อาหารแต่ละอย่างที่หลินชิงเหอทำจึงมีจุดประสงค์เพื่อบำรุงร่างกายโจวชิงไป๋
อาหารเย็นนี้จึงเป็นไข่คนกับแตงกวา หมูสับกับถั่ว และเผือกนึ่งกับซี่โครงหมู เคียงกับแกงจืดกุ้งแห้งและสาหร่าย โดยที่อาหารหลักคือหมั่นโถวข้าวโพด
หลังหลินชิงเหอทานอาหารเสร็จ เธอก็ทำซอสพริกโฮมเมดต่อ และทิ้งชามกับตะเกียบไว้ให้เจ้าใหญ่ล้าง
โจวชิงไป๋อยากเข้ามาช่วยแต่ก็ถูกหลินชิงเหอไล่ “ใช้โอกาสนี้ที่ยังไม่มืดไปจับปลาหนีชิวกับปลาไหลนามาสิคะ”
เธอทำความสะอาดเล้าหมูกับเล้าไก่แถมยังให้อาหารพวกมันแล้ว จึงไม่เหลืองานส่วนนี้ให้เขาทำ
หญิงสาวเป็นคนจัดการงานเหล่านี้เมื่อถึงการเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อนหรือฤดูใบไม้ร่วง หากโจวชิงไป๋ว่างงานและไม่ได้พักผ่อน เขาก็สามารถออกไปจับปลาล่าสัตว์มาได้
หากเขาจับมาได้ สิ่งที่จับมาได้ก็จะเป็นอาหารในวันถัดไป
โจวชิงไป๋มุ่งหน้าไปจับปลาหนีชิวและปลาไหล เขาออกไปตั้งแต่หกโมงครึ่งและไม่กลับมาจนกระทั่งหนึ่งทุ่มครึ่ง ในช่วงเวลานี้ท้องฟ้ายังไม่มืดเร็วนัก มันจึงไม่มืดมากเท่าไหร่ แต่ก็เป็นเวลาเย็นย่ำแล้ว
เขาจับปลามาได้ไม่มากนัก มีแค่ปลาหนีชิวเจ็ดหรือแปดตัว และไม่มีปลาไหลสักตัว
“เอามันไว้ในน้ำสะอาดก่อนค่ะ ถ้าได้มาเยอะ ๆ แล้วฉันค่อยตุ๋นพวกมันเลยทีเดียว” หลินชิงเหอเอ่ยหลังมองผ่าน ๆ จากนั้นก็สั่งให้เขาไปอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอน
หญิงสาวทำซอสพริกของวันนี้เสร็จแล้ว และกำลังจะยัดลงในไหสะอาด
ซอสพริกทำง่ายมาก แค่สับพริก สับกระเทียม จากนั้นก็เติมเกลือในปริมาณพอเหมาะ คนสามสิ่งนี้เข้าด้วยกันแล้วมันก็กลายเป็นซอสพริกแล้ว
แต่ควรจะสับกระเทียมใส่ลงไปอีกหน่อย
เมื่อใดที่มันถูกหมักอยู่ในไหเป็นเวลาครึ่งเดือน มันก็จะกลายเป็นซอสพริกอย่างแท้จริง
หลินชิงเหอมั่นใจในฝีมือการทำอาหารของตัวเองมาก ซอสพริกหนึ่งไหไม่พอต่อการบริโภคทั้งครอบครัวหรอก ดังนั้นในครั้งนี้เธอจึงนำพริกกลับมาเป็นจำนวนมากและวางแผนว่าจะทำเก็บไว้หลาย ๆ ไหเพื่อจะได้เก็บไว้กินได้นาน ๆ
หลินชิงเหอยังคงทำซอสพริกต่อในวันต่อมา
เมื่อถึงตอนกลางวันที่เธอส่งอาหารให้กับโจวชิงไป๋และลูกชายทั้งสาม ดวงตาทั้งคู่ของเธอก็แดงอีกครั้ง
“คุณไม่ต้องทำเยอะขนาดนี้หรอก” โจวชิงไป๋เอ่ย
“ไม่เป็นไรค่ะ” หลินชิงเหอตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
เจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสามมีท่าทีหิวโหยอย่างเห็นได้ชัด พวกเขารู้ว่าที่แม่เป็นแบบนี้ก็เพราะทำซอสพริกมา เด็กทั้งสามเลยเป็นห่วงแค่อาหารการกินเท่านั้น
อาหารกลางวันนี้เป็นชุนปิ่งแบบง่าย ๆ และแกงจืดกุ้งแห้ง
ข้างในชุนปิ่งเป็นไส้เนื้อสองอย่าง คือไข่และเนื้อหั่นเต๋า ส่วนผักมีหลายชนิด เช่นมะเขือเทศ แตงกวา และผักใบเขียวอื่น ๆ
ทั้งพ่อและลูกทั้งสามต่างพอใจมากที่ได้กินชุนปิ่งคู่กับแกงจืดกุ้งแห้ง
“เจ้าสาม ลูกอยากกลับบ้านไปกับแม่ไหม?” หลินชิงเหอถามเจ้าสาม
“ผมจะกลับกับพ่อครับ” เจ้าสามส่ายหน้า
หลินชิงเหอได้ยินแล้วก็ตามใจเขา เด็กซนคนนี้อยากจะเข้าร่วมการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงกับพี่ใหญ่และพี่รองของเขามานานแล้ว ก่อนหน้านี้เขายังเด็กเกินไป ตอนนี้เขาอายุ 3 ขวบแล้วและมีร่างกายแข็งแรงบึกบึนขึ้น เธอก็เลยให้เขาอยู่ต่อ
หลินชิงเหอจึงกลับบ้านคนเดียว เธอคิดในใจว่าวันพรุ่งนี้จะเชือดแม่ไก่ตัวหนึ่งในเล้าหลังบ้าน
ครั้งนี้เธอวางแผนจะเชือดแม่ไก่แก่และปล่อยให้ไก่ตัวใหม่ได้ออกไข่แทน
แต่เมื่อโจวชิงไป๋กลับมาถึงบ้านในตอนเย็น เขาก็หิ้วกระต่ายอ้วนพีตัวหนึ่งกลับมาด้วย
“กระต่ายอ้วน? ได้มาจากไหนเหรอคะ?” หลินชิงเหอเบิกตากว้าง
“แม่ พ่อจับมันได้ล่ะครับ!” เจ้าใหญ่อุทานอย่างตื่นเต้น
ไม่เพียงเจ้าใหญ่คนเดียว เจ้ารองกับเจ้าสามก็มีท่าทีตื่นเต้นมากกว่าเขาเสียอีก “กระต่ายมันร้องแล้วก็กระโดดผ่านมา ทุกคนยังไม่ทันทำอะไรเลย พ่อก็จับมันได้แล้วครับ!”
“กังเถี่ยกับคนอื่น ๆ อิจฉากันแทบตาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พ่อพวกเขาเก่งสู้พ่อเราไม่ได้หรอก!” เจ้ารองเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจสุดขีด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...