หลายคนเห็นกับตาว่าโจวชิงไป๋จับกระต่ายอ้วนตัวนี้ได้
ทันทีที่สามพี่น้องกินกระต่ายเสร็จและเดินออกมานอกบ้าน คนหลายคนก็เข้ามาถามว่ากระต่ายอ้วนตัวนั้นอร่อยหรือไม่
เจ้าใหญ่เด็กน้อยพอได้ยินก็เอ่ยโม้ “มันอร่อยมากครับ อร่อยสุด ๆ เวลากลืนมันลงไปแล้วแทบจะกลืนลิ้นลงกระเพาะไปได้เลย มันเป็นรสชาติที่บรรยายไม่ถูกเลยครับ”
“แม่ผมตุ๋นกระต่ายทั้งตัวให้กิน มันอร่อยจนอดใจไม่ไหวเลยครับ” เจ้ารองเอ่ย
“พอแล้ว มันพอแล้ว!” เจ้าสามพยักหน้าหงึกหงัก
ก่อนหน้านี้มีเพียงเจ้าใหญ่กับเจ้ารองที่เป็นคนออกไปพูดอวดนอกบ้าน แต่ตอนนี้เด็กน้อยคนนี้โตขึ้นและพูดได้แล้ว กลุ่มอวดแม่อวดครอบครัวก็เลยมีเขารวมอยู่ด้วย
ทันทีที่เขาพูดอวด มันก็เต็มไปด้วยความดุดัน แค่ได้ยินคำพูดท้าทายอันน่าอิจฉาริษยานี้มันก็พอแล้ว
เป็นกระต่ายเจ้าเนื้ออะไรเช่นนี้ กระต่ายตัวนั้นมีเนื้อมากจากการกินธัญพืชในนา ดูจากขนาดแล้วก็น่าจะมีน้ำหนักราวสามหรือสี่ชั่ง
มันถูกกินหมดทั้งตัวในมื้อเดียว ช่างไม่รู้จักการใช้ชีวิตกันจริง ๆ
ถ้าเป็นพวกเขา มันจะถูกนำไปทำอาหารต่าง ๆ ได้ทั้งหมด 18 จานในหลากหลายวิธีเชียวนะ
กลุ่มผู้หญิงในหมู่บ้านต่างคิดเช่นนี้
ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูร้อนหรือฤดูใบไม้ร่วง มันก็จะมีกระต่ายป่าปรากฏตัวในทุ่งนา ใครจะจับมันได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขาเอง
ครั้งนี้โจวชิงไป๋โชคดีที่จับมันได้
แต่กระต่ายแสนว่องไวนี้ไม่ได้จับได้ง่าย ๆ วันต่อมาก็มีกระต่ายปรากฏให้เห็นอีกตัวหนึ่ง แต่โจวชิงไป๋กลับจับมันไม่ได้ เพราะมันว่องไวเกินไป แถมกระต่ายเจ้าเล่ห์นี่ยังมีโพรงตั้งสามโพรง พอมันมุดหายเข้าไปแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่ามันไปอยู่ที่ไหน
หากจับกระต่ายได้ก็เท่ากับมีอาหารเพิ่มเข้ามาอีกจานหนึ่ง แต่ถ้าจับไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน
ในวันต่อมาหลินชิงเหอทำหมั่นโถวถั่วแดงเป็นอาหารกลางวันและส่งไปพร้อมกับไข่เจียวแตงกวาผัด แค่อาหารจานนี้จานเดียวและไม่มีอะไรอย่างอื่น
เพราะว่าอยู่ต่อหน้าทุกคนแล้ว หญิงสาวจึงพยายามทำตัวเด่นให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
แต่ไม่ว่าเธอจะทำตัวบ้าน ๆ แค่ไหน เธอก็ยังต้องเสริมโปรตีนบางอย่างให้กับโจวชิงไป๋ ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะทนต่อสภาพอากาศอันแปรปรวนนี้ได้อย่างไรล่ะ?
เนื่องจากท่านแม่โจวไม่ได้ทำงานในนา หลินชิงเหอจึงบอกนางว่าไม่ต้องทำอาหารและให้ส่งวัตถุดิบอาหารมา เธอจะทำอาหารพร้อมกับอาหารที่บ้านของเธอแล้วจะนำมาให้ท่านพ่อโจว
ซึ่งนั่นก็รวมถึงส่วนของท่านแม่โจวที่นางจะถูกเรียกไปกินด้วย
ท่านแม่โจวอึ้งไปเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสะใภ้สี่ไม่ถือในเรื่องนี้จริง ๆ นางก็นำวัตถุดิบอาหารมาให้และมาทานอาหารกลางวันที่บ้านสะใภ้สี่
เรื่องนี้ทำให้ท่านแม่โจวดีใจมาก
ไม่ใช่แค่นางเท่านั้น ท่านพ่อโจวก็ยินดีในเรื่องนี้ สะใภ้สี่ช่างทำอาหารเก่งจริง ๆ
ต่อให้มันเป็นไข่เจียวแตงกวาผัดกับหมั่นโถวถั่วแดง แต่ปริมาณของมันช่างมากมายและยังมีรสชาติยอดเยี่ยม ปริมาณน้ำมันก็มีมากเพียงพอ
หลังทานเสร็จแล้ว พวกเขาก็ทานมะเขือเทศอีกสองผลตบท้ายและรู้สึกสดชื่นอย่างมาก
หลินชิงเหอปลูกมะเขือเทศไว้ในสวนหลังบ้านเป็นจำนวนมากเพราะเธอเองก็ชอบทานมันเหมือนกัน ลูกที่เก็บมาช่างมีขนาดสมบูรณ์แบบ เหมาะที่จะเป็นของว่างหลังมื้ออาหาร
และปลาหนีชิวที่บ้านก็จะถูกปรุงเป็นอาหารสำหรับเย็นนี้
หลินชิงเหอบรรจุข้าวของ มองไปรอบ ๆ ก่อนจะเดินทางไปหาเม่ยเจี่ย
“มีเรื่องอะไรเหรอ?” เมื่อเม่ยเจี่ยเห็นเธอมาหา หล่อนก็เป็นกังวลเล็กน้อยว่าจะมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้น
หลินชิงเหอยิ้มเป็นการเสริมกำลังใจ “เม่ยเจี่ย ฉันมาเพื่อจะมาคุยอะไรบางอย่างกับพี่น่ะค่ะ พี่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ”
เม่ยเจี่ยโล่งใจ ต่อให้สิ่งต่าง ๆ ถูกจัดการเป็นปกติและไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว แต่มันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดขึ้นมาได้ยามพูดถึงแม้แต่นิดเดียว
“น้องพูดมาเถอะจ้ะ” เม่ยเจี่ยพยักหน้า
“ฉันอยากจะถามว่าช่วงนี้เฉินเกอจะหาเนื้อมาได้มากอีกหน่อยได้ไหมคะ?” หลินชิงเหอกระซิบ
หลังการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงสิ้นสุด เธอก็วางแผนจะนำธัญพืชไปขาย แต่ตอนนี้มันไม่มีเนื้อให้ขายมากนัก
“พี่จะถามให้นะ พรุ่งนี้เธอมาบ้านพี่ก็แล้วกัน” เม่ยเจี่ยกระซิบตอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...