ปลาหนีชิวตุ๋นจานใหญ่กับผัดกะหล่ำปลีเล็กจานใหญ่เคียงกับหมั่นโถวข้าวโพดหนึ่งหม้อนับว่าเพียงพอสำหรับอาหารเย็นมื้อนี้แล้ว
ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวต่างหมายความอย่างเดียวกันและยังมีความเห็นเหมือนกันว่าหญิงสาวทำตัวดีขึ้นแล้ว เขาจึงเดินมากับโจวชิงไป๋หลังเลิกงานและพาเด็กชายสามพี่น้องกลับมาบ้าน
เจ้าสามใช้พลังไปเยอะมากตลอดทั้งวันจนรู้สึกเหนื่อย ผู้เป็นพ่อเลยแบกเขาขึ้นหลังเดินกลับมา
ทันทีที่พวกเขาเดินมาถึงบ้าน พวกเขาก็ล้างมือล้างหน้าเพื่อเตรียมตัวทานอาหารเย็น
หลินชิงเหอสังเกตเห็นว่าดวงตาของโจวชิงไป๋ทอแววอ่อนโยนเป็นพิเศษ
หญิงสาวเงียบไป แต่ในใจก็คิดว่า…นั่นไง เข้าใจผิดกันอีกคนแล้ว
เธอไม่ได้ถาม แต่ก็ยังพอเดาได้ว่าโจวชิงไป๋ต้องได้ยินท่านพ่อโจวพูดถึงเรื่องนี้ระหว่างทางกลับบ้านแน่นอน
และคิดว่าเธอเริ่มทำตัวเป็นภรรยาผู้แสนดี แม่ที่ดี และลูกสะใภ้แสนกตัญญูแล้ว
เธอจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?
ทุกคนพอใจที่ได้ทานหมั่นโถวข้าวโพดเคียงกับปลาหนีชิวตุ๋นและผัดกระหล่ำปลีเล็ก
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวก็กลับไป
หลินชิงเหออุ่นน้ำร้อนเพื่ออาบน้ำให้เจ้าสาม เจ้าเด็กคนนี้เหนื่อยล้าจริง ๆ ขณะทานข้าวเขาก็สัปหงกไปด้วย
เจ้าสามได้อาบน้ำเป็นคนแรก จากนั้นก็ถูกวางบนเตียงเตาเพื่อที่เขาจะได้นอนหลับก่อนเพื่อน
เด็กน้อยคนนี้ยังหัวเราะคิกคักกับเธอขณะกำลังอาบน้ำ แต่พอถูกวางบนเตียงเตาเท่านั้นล่ะ เขาก็หลับปุ๋ยในทันที
“ลูกสองคนก็ไปอาบน้ำด้วยนะ เตรียมตัวเข้านอนได้แล้ว” หลินชิงเหอสั่งเจ้าใหญ่กับเจ้ารอง
ทั้งคู่ทำงานบ้านเสร็จแล้ว แต่พวกเขากลับไม่อยากเข้านอน
“ผมอยากกินถั่วเขียวต้มน้ำตาลครับ” เจ้าใหญ่บอก
“ผมด้วย” เจ้ารองเอ่ยตาม
หลินชิงเหอจึงปล่อยให้พวกเขาได้กินตามใจชอบ แต่เธอก็บอกให้พวกเขาอาบน้ำก่อน
โจวชิงไป๋ออกไปจับปลาหนีชิวอีกครั้งหลังมื้ออาหาร ในตอนแรกเขาไม่ค่อยกินปลาชนิดนี้บ่อยนักเพราะไม่ชอบกลิ่นคาวของมัน
แต่เขาชอบปลาหนีชิวตุ๋นที่หลินชิงเหอทำจริง ๆ ยิ่งกว่านั้นมันก็นับว่าเป็นอาหารจานเนื้ออย่างหนึ่งด้วย
พอท้องฟ้าใกล้จะมืด เขาก็กลับมาพร้อมกับปลาหนีชิวจำนวนหนึ่ง ถึงครั้งนี้มันจะน้อย แต่ก็ยังเก็บไว้ก่อนได้ เมื่อสะสมจนได้จำนวนแล้วถึงค่อยมาปรุงอาหารพร้อมกันทีเดียว
“ไปอาบน้ำแล้วทานถั่วเขียวต้มน้ำตาล จากนั้นก็ไปนอนนะคะ” หลินชิงเหอบอก
โจวชิงไป๋เดินไปอาบน้ำ ขณะเดียวกันเขาก็ซักเสื้อผ้าให้ลูก ๆ ไปด้วย
หลินชิงเหอตักถั่วเขียวต้มน้ำตาลบางส่วนให้ท่านพ่อกับท่านแม่โจวไปแล้ว ส่วนที่เหลือจึงเป็นของครอบครัวของเธอ หลังทานเสร็จทุกคนก็แปรงฟันและเตรียมตัวเข้านอน
“คุณพ่อดีใจมากนะที่ได้กินอาหารกับครอบครัวเรา” โจวชิงไป๋บอกเรื่องนี้กับเธอบนเตียงเตาในคืนนี้
หลินชิงเหอไม่ได้เต็มใจนัก แต่เมื่อเขาพูดแบบนี้เธอก็เลยตอบกลับ “ทำอาหารเพิ่มสำหรับคนสองคนไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกค่ะ ถ้าอยากมากินก็มาได้”
“ขอบคุณนะ” โจวชิงไป๋บอก
จากนั้นหลินชิงเหอก็พลันเอ่ยเข้าประเด็น “ถ้าฉันทำอะไรบางอย่างผิดพลาดไป คุณจะให้อภัยฉันไหมคะ?”
“คุณทำอะไรผิดงั้นเหรอ?” โจวชิงไป๋ถาม
หลินชิงเหอเริ่มแสร้งทำเป็นไม่มีอะไร “คุณพูดอะไรน่ะคะ? ฉันจะทำเรื่องอะไรผิด? แค่บอกมาว่าสัญญาหรือเปล่าเท่านั้นเอง”
“ผมสัญญา” โจวชิงไป๋ยื่นมือออกไปคว้าตัวภรรยามากอดไว้ในอ้อมแขน
ภรรยาของเขาจะทำเรื่องผิดอะไรได้งั้นหรือ? ชั่วชีวิตนี้เธอไม่เคยทำอะไรผิดเลย ต่อให้เธอทำเขาก็ไม่สนใจ
หลินชิงเหอฟังแล้วก็รู้สึกพอใจ “งั้นคุณจำคำพูดที่คุณพูดในวันนี้ให้ได้นะคะ”
โจวชิงไป๋แสดงอาการรับรู้ สำหรับเขาแล้วตราบใดที่เธอยังเต็มใจอยู่ใช้ชีวิตกับเขา อะไรอย่างอื่นก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว
วันต่อมาหลินชิงเหอตื่นนอนตอนตีสี่ครึ่งของอีกวันหนึ่ง
เธอนึ่งหมั่นโถวที่เหลือจากเมื่อคืนไว้หม้อหนึ่งและนำมาถ่ายใส่กระทะเหล็กเพื่อทำให้เย็นตัวลง ทิ้งข้ามคืนแล้วมันคงไม่เสีย เธอหุงโจ๊กข้าวฟ่าง หั่นไข่เค็มสองฟอง และทำไขเจียวแตงกวาจานใหญ๋
จากนั้นโจวชิงไป๋ก็ทานอาหารเสร็จและมุ่งหน้าไปหาพ่อกับพี่ชายตระกูลโจว
ในช่วงการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงจะเริ่มงานกันแต่เช้า
“อาสี่ เมื่อเช้านี้แกกินอะไรมาเหรอ?” พี่ชายรองถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...