หลังให้คูปองอาหารและเงินกับเม่ยเจี่ยแล้ว หลินชิงเหอก็แบกสิ่งของเหล่านี้กลับบ้าน
มันยังเช้าอยู่เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน แต่เธอยังต้องหุงหาอาหารให้หมูอีกครั้งในช่วงนี้ หมูทั้งคู่ในสวนหลังบ้านได้เติบโตขึ้นกลายเป็นหมูอ้วนตัวใหญ่ไปแล้ว พวกมันเลยหิวเร็วมาก
ตอนนี้เป็นเวลาที่พวกมันต้องสร้างกล้ามเนื้อ หลินชิงเหอจึงเลี้ยงมัน
เธอทำงานหนักไปได้ครู่หนึ่งขณะท่านแม่โจวมาหาพร้อมกับอุ้มซูเฉิงน้อยมาด้วย
ท่านแม่โจววางซูเฉิงน้อยไว้ในห้องให้เขาเล่นอะไรด้วยตัวเองก่อนจะออกมาช่วยลูกสะใภ้ทำงาน
แต่หลินชิงเหอก็บอกนาง “ไม่มีอะไรมากแล้วค่ะคุณแม่ ไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
“ไม่จำเป็นต้องพักหรอก แค่เลี้ยงหลานเองฉันจะเหนื่อยได้ยังไง” ท่านแม่โจวตอบ
หลินชิงเหอจึงมอบงานปรุงอาหารหมูให้นางแล้วเอ่ยขึ้น “ทำไม่คุณพ่อถึงไม่มาทานอาหารเช้าที่นี่ล่ะคะ”
“ปล่อยให้คุณพ่อกินข้าวเช้าที่บ้านเถอะ” ท่านแม่โจวไม่คิดว่าเธอจะพูดแบบนี้ นางตอบหลังจากอึ้งไปได้ครู่หนึ่ง
“อย่างดอาหารมื้อนี้เลยค่ะคุณแม่ คุณแม่ต้องตื่นกลางดึกให้ซูเฉิงได้ดื่มนมนะคะ ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้ามาทำอาหารเลย แค่บอกให้คุณพ่อมาทานอาหารที่นี่ ฉันจะทำกับข้าวเตรียมไว้พร้อมกัน มันค่อนข้างจะสะดวกอยู่นะคะ” หลินชิงเหอแนะนำ
เธอยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับโจวชิงไป๋ แต่ถึงอย่างนั้นคู่สามีภรรยาคู่นี้ก็มีความคิดเหมือนกันอยู่แล้ว
พวกเขามาทานอาหารกลางวันกับอาหารเย็นด้วยกัน ดังนั้นก็มาทานอาหารเช้าด้วยเลยจะเป็นไรไป?
ท่านแม่โจวยิ้มกริ่มเมื่อได้ยินดังนี้ “ก็ได้ ฉันจะบอกเขาให้เมื่อเขากลับมานะ”
“ฉันบอกคุณพ่อตั้งแต่ตอนที่ไปส่งข้าวเที่ยงแล้วค่ะ” หลินชิงเหอตอบ
“ได้สิ” ท่านแม่โจวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
หลินชิงเหอนำเนื้อแดงออกมาและสับละเอียด เธอกำลังจะทำชุนปิ่งเป็นอาหารกลางวัน และตอนนี้ก็กำลังทำไส้หมูสับอยู่ ซึ่งไม่ต้องบอกเลยว่ามันจะมีรสชาติดีขนาดไหน
ท่านแม่โจวเห็นดังนี้ก็ไม่ว่าอะไร
ตอนนี้นางเปิดใจแล้ว สะใภ้สี่อยากทำอะไรก็ทำได้ตามต้องการ ส่วนนางกับคู่ชีวิตชราก็ทำเพียงเก็บเงินให้หลานชายทั้งสาม
สะใภ้สี่ยังคงซื้อเนื้อกลับมาให้นางกับสามีของนางกินได้ นางไม่สนใจว่าพวกเขาจะกินอะไรหรือจะทำอะไรกินยามเห็นนางกับสามีนางมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย ทุกอย่างควรจะเป็นอย่างที่ควรเป็น
ท่านแม่โจวจะบ่นอะไรได้ล่ะ?
อาหารกลางวันของวันนี้เป็นชุนปิ่ง แม้การกินชุนปิ่งจะไม่เข้ากับฤดูนี้สักเท่าไหร่นัก แต่ชุนปิ่งก็ทำง่ายและทานง่าย
ภายในเป็นแตงกวาแท่ง หมูสับกลิ่นหอม และต้นหอมซอย มันให้รสชาติแสนอร่อยอย่างไม่ต้องสงสัยยามห่อพวกมันเข้าด้วยกันในแป้งแผ่นบาง
นอกจากนี้ยังมีซุปไข่คนมะเขือเทศอีกหนึ่งหม้อ ทำให้คนทานรู้สึกคล่องคอสบายท้องนัก
หลินชิงเหอบอกท่านพ่อโจวว่าเขาสามารถมาทานอาหารเช้าที่บ้านของเธอได้
ท่านพ่อโจวหัวเราะและบอกว่าชิงไป๋เองก็บอกเขาเรื่องนี้ในเช้านี้เหมือนกัน
โจวชิงไป๋ยิ้มกริ่มให้ภรรยา เขากับเธอช่างรู้ใจกันดีเหลือเกิน
หลินชิงเหอเองก็กลั้วหัวเราะ เห็นว่าพวกเขากินอิ่มคลายกระหายกันแล้ว เธอก็เก็บข้าวของกลับบ้าน
การเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงนี้ช่างเหน็ดเหนื่อยจริง ๆ
หลินชิงเหอจัดการเชือดไก่ที่บ้านไปหนึ่งตัวเพื่อนำไปตุ๋น
ทั้งครอบครัวมารวมตัวกันเพื่อทานอาหารด้วยกัน พวกเขาจะทานไก่ตัวหนึ่งราวทุกครึ่งเดือน ดังนั้นจึงมีไก่สองตัวถูกทานเพื่อบำรุงร่างกายในช่วงการเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วง
ท่านแม่โจวดื่มน้ำแกงพร้อมกับทานเนื้อไก่เป็นจำนวนมาก
ในคืนแห่งวันสิ้นสุดการเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วง ทุกคนต่างรู้สึกโล่งใจ
ท่านแม่โจวนอนบนเตียงเตาพร้อมกับสามีชราและเอ่ยขึ้นมาอย่างเป็นห่วง “ไม่แปลกเลยว่าทำไมสะใภ้สี่ถึงผอมนัก จากที่ฉันเห็น หล่อนกินข้าวทุกมื้อน้อยมากเลย”
นางเห็นเพราะว่าพวกเขาทานข้าวด้วยกัน ในขณะที่ทาน หล่อนทานเพียงข้าวชามเดียวหรือไม่ก็หมั่นโถวครึ่งลูก แถมหล่อนยังชอบทานผักมากกว่าอีกต่างหาก โดยเหลือเนื้อไว้ให้อาสี่กับเด็ก ๆ
“สะใภ้สี่เป็นคนดีเหมือนกันนะ” ท่านพ่อโจวแสดงความเห็น
นับตั้งแต่อาสี่ลาออกมา สะใภ้สี่ก็เปลี่ยนไป ตัวหล่อนในตอนนี้นับว่านิสัยดีโดยแท้ ต่อให้หล่อนไม่สามารถเก็บเงินได้เนื่องจากอาหารการกินที่ทำ แต่หล่อนก็เสียเงินไปกับแค่เรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าหล่อนทำอาหารทั้งหมดนี้เพื่ออาสี่กับหลานชายทั้งสามหรอกหรือ?
แล้วยังจะมีอะไรพูดเกี่ยวกับหล่อนอีกล่ะ?
ท่านแม่โจวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกว่าสะใภ้สี่เสแสร้ง สะใภ้สี่ไม่มีทางแสดงละครต่อหน้าสามีภรรยาชราอย่างพวกเขาอยู่แล้ว หล่อนมักเป็นคนประเภทบอกหนึ่งก็คือหนึ่ง ทำสองก็คือสอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...