ในช่วงเดือนแรกยังเป็นช่วงว่างงานอยู่ ฝ่ายผลิตยังไม่ได้คิดว่าจะปลูกอะไรในฤดูใบไม้ผลินี้ก่อนจะถึงวันที่สิบห้าของเดือนแรก
ยิ่งกว่านั้นในเดือนมกราคมก็ยังไม่มีอะไรต้องทำมากนัก
ในยุคนี้พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งทีวีจะดู
กล่าวก็คือ ทีวีในทุกวันนี้มีแค่ในบ้านของผู้นำบางคนในเมืองเท่านั้น และยังเป็นทีวีขาวดำอยู่
หากในบ้านมีวิทยุสักเครื่องก็นับว่าจะดีมาก
แต่หลินชิงเหอไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย มากกว่านั้นในมิติของเธอยังมีโทรศัพท์มือถือล้ำสมัยอยู่
ขณะที่หิมะไม่ตก หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋จะขึ้นไปบนภูเขา
เจ้าเด็กซุกซนทั้งสามอยากตามขึ้นไปด้วยเหมือนกัน ในเมื่อพวกเขาอยากไปด้วยก็ให้ไปด้วยเสียเลย มีเด็ก ๆ อยู่แล้วคงไม่มีเวลาส่วนตัวสำหรับคู่รักหรอก
ทั้งครอบครัววางกับดักบนภูเขาเพื่อดักไก่ฟ้า แม้ตลอดทั้งบ่ายพวกเขาจะจับอะไรไม่ได้เลยก็ตาม แต่ทั้งครอบครัวยังมีความสุขและเสียงหัวเราะตลอดทางที่กลับบ้าน
คนในหมู่บ้านต่างชื่นชมกับวิถีชีวิตของครอบครัวนี้
พวกเขาไม่มีความรู้สึกวิตกกังวลกับปัญหาใด ๆ เลย
โดยเฉพาะหลินชิงเหอ พูดตามตรงก็คือต่อให้ผู้หญิงคนนี้จะไม่รู้จักใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นเธอทุบตีดุด่าลูกของเธอเลย ไม่เหมือนกับผู้หญิงบางคนในหมู่บ้าน ที่พอเมื่อเป็นเรื่องนี้พวกหล่อนจะดูร้ายกาจยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก
ผู้ชายในหมู่บ้านต่างอิจฉาโจวชิงไป๋ไม่น้อย
หลินชิงเหอเป็นคนสวยแล้วยังรู้จักทำกับข้าว เธอเป็นคนมือเติบก็จริง แต่เงินที่หามาได้ไม่ใช่ว่าเอาไว้ใช้จ่ายหรอกเหรอ?
และเธอยังเป็นคนที่รู้ว่าการใช้จ่ายเงินถือเป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง หากเป็นคนบางคนได้รับเงินมา พวกเขาก็จะไม่รู้จักใช้จ่าย สุดท้ายแล้วก็ได้แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด
ดังนั้นชีวิตที่บ้านก็จะไม่มีความหมาย
ในแต่ละวันพวกเขากินอะไรกันล่ะ?
คนส่วนใหญ่เคยประสบกับการอดอาหารมาแล้วและสามารถทนต่อความยากลำบากได้ แต่เทียบกันแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
พวกเขาเห็นว่าโจวชิงไป๋กินอยู่อย่างไรโดยที่ไม่ผ่ายผอมลงสักนิด
พวกเขาคิดว่าทันทีที่ลาออกจากกองทัพ เขาจะต้องเป็นเหมือนพวกเขาแน่
แต่ใครจะคิดว่ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
มันแสดงให้เห็นว่าทักษะการปรุงอาหารของหลินชิงเหอดีแค่ไหน
วันนั้นหลินชิงเหอไม่มีอะไรต้องทำ เธอเลยทำอาหารอร่อย ๆ ขณะที่จดจำเนื้อหาวิชาไปด้วย
เธอแช่ถั่วแดงให้นิ่ม เพื่อวางแผนจะทำหงโต้วเจวี่ยน หรือ โรลถั่วแดง ที่คนทั้งครอบครัวชอบกิน
หลังทำหงโต้วเจวี่ยนแล้ว เธอก็เริ่มปรุงอาหารอย่างโจ๊กแปดขุมทรัพย์หรือโจ๊กล่าปาอีกครั้ง อาหารนี้ทำให้คนในครอบครัวได้ทานธัญพืชและได้รับเส้นใยอาหารมากขึ้น
ทุกครั้งที่เจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสามออกไปเล่นนอกบ้าน เพื่อนบางคนก็จะถามว่าพวกเขากินอะไรมา
มันเป็นเรื่องปกติที่จะถามไปแล้ว
ในตอนนี้เจ้าใหญ่เบื่อที่จะอวดแล้ว เจ้ารองก็เช่นกัน พวกเขาเลยไม่พูดอะไรมากนักว่ากินอะไรมา ทั้งสองพี่น้องชอบที่เล่นฟุตบอลมากกว่า
ส่วนเจ้าสามยังคงอยากพูดคุยอยู่มาก
เมื่อเพื่อน ๆ ถาม เขาก็ตอบพลางนับนิ้วไปด้วย “แม่ฉันทำหงโต้วเจวี่ยน โจ๊กแปดขุมทรัพย์ ขนมเปี๊ยะงา แล้วก็ถั่วแผ่นทอด แต่ที่ฉันชอบมากที่สุดคือโจ๊กแปดขุมทรัพย์ มันอร่อยมากจนฉันกินไปห้าชามในหนึ่งมื้อเลยล่ะ!”
ไม่รู้เลยว่าเด็กคนนี้รู้จักพูดอวดตั้งแต่เมื่อไหร่
เจ้าใหญ่กับเจ้ารองไม่สนใจเขา เรื่องพวกนี้คือเกมที่น้องชายพอจะเล่นได้
ด้วยความกินจุของเจ้าสามแล้ว มันคงประหลาดมากหากเขากินแค่ 2 ชาม อย่าว่าแต่ 5 ชามเลย
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้สร้างความอิจฉาให้กับเพื่อนต้วน้อยของเขานัก
ยิ่งกว่านั้น ในใจของพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าเจ้าสามจะกินได้ 5 ชามหรือไม่ โจ๊ก 5 ชามไม่ได้บอกว่าเขาหิว แต่บอกว่าโจ๊กแปดขุมทรัพย์นั้นอร่อยขนาดไหนเสียมากกว่า
ไม่อย่างนั้นแล้วทำไมพวกเขาถึงกินได้มากขนาดนั้น?
“เจ้ารอง ฉันมาทำการบ้านกับนายด้วยได้ไหม?” โจวเซี่ยถามเจ้ารองเป็นการส่วนตัวในครั้งหนึ่ง
ทำไมเจ้ารองจะไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร เด็กชายเลยตอบกลับไปว่า “นายมาทำการบ้านที่บ้านฉันได้นะ แต่ว่าวันนี้ไม่มีโจ๊กแล้วล่ะ มันหมดเกลี้ยงแล้ว”
“หมดแล้วเหรอ?” โจวเซี่ยได้ยินแล้วก็ทำสีหน้า ‘น่าเสียดายจัง’ ออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...