ในยุคนี้ตำราเรียนภาษาอังกฤษหาซื้อได้ยากนัก
พวกมันต่างถูกจัดไว้ในประเด็นอ่อนไหว ในปีแรกของการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นไม่มีการทดสอบภาษาอังกฤษเลย และดูเหมือนว่าจะเป็นปีที่สองหลังจากนั้นถึงจะมีการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษเพิ่มเข้ามา
หลินชิงเหอจำเรื่องนี้ได้ แต่จำรายละเอียดได้ไม่ชัดเจนนัก
แต่ในทันทีที่การเรียนรู้ด้วยตัวเองของเธอเข้าสู่ระดับมัธยมศึกษาปีแรก มันจึงไม่ใช่ความคิดที่เลวร้ายในการลองจับตำราภาษาอังกฤษขึ้นมาท่องศัพท์ในตอนมีเวลาว่าง
หลินชิงเหอพอจะมีเส้นสายอยู่บ้างในตลาดมืด
ตราบใดที่เธอให้ราคาที่ยอมรับได้ เธอก็จะได้ตำรามาอย่างรวดเร็ว แม้มันจะเป็นสินค้าที่เป็นประเด็นอ่อนไหวก็ตาม
ที่นั่นมีตำราภาษาอังกฤษดี ๆ จำนวนหนึ่ง แต่คนที่ค้นหาพวกมันมาให้คงไม่เข้าใจความแตกต่างของภาษา มันเลยมีหนังสือภาษารัสเซียติดมาด้วยสองเล่ม ซึ่งหลินชิงเหอไม่ต้องการ แถมเธอเองยังไม่เข้าใจภาษารัสเซียด้วย
เธอรู้ภาษาอังกฤษอยู่แต่ลืมไปเยอะแล้วหลังไม่ได้เรียนมานาน เธอจึงต้องกลับมาเคาะสนิมใหม่อีกครั้ง
หลินชิงเหอจ่ายค่าตำราภาษาอังกฤษพื้นฐานไป 10 หยวน ซึ่งราคานี้นับว่าแพงหูฉี่ไม่น้อย
แต่คนที่มาที่นี่ทำถูกแล้ว พวกเขาต้องเสี่ยงอย่างมากเพื่อจะหามันมาให้เธอ ดังนั้นราคานี้จึงไม่ใช่ราคาที่แพงจนรับไม่ได้เสียทีเดียว
หลินชิงเหอเก็บตำราภาษาอังกฤษเข้าไปในมิติ
ของพวกนี้ไม่อาจเอามาให้เด็ก ๆ ทั้งสามเห็นได้ ไม่อย่างนั้นหากเด็กน้อยเอาเรื่องนี้ไปพูดนอกบ้านแบบผิด ๆ ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะเกิดเรื่องขึ้น
หลังหมดปัญหาเรื่องตำราภาษาอังกฤษแล้ว หลินชิงเหอก็แวะมาหาพนักงานหญิงวัยเกษียณคนนั้นเพื่อขายเนื้อหมู
“สาวน้อย เนื้อหมูของหนูคุณภาพดีจริง ๆ” พนักงานวัยเกษียณเอ่ยพลางยิ้มอย่างพอใจ
“ฉันเลือกที่ดี ๆ มาให้โดยเฉพาะเลยล่ะค่ะคุณป้า ของดีทุกอย่างที่ฉันได้มาล้วนเก็บไว้ให้คุณป้าหมดเลย” หลินชิงเหอบอก
คุณป้าวัยเกษียณหัวเราะและกระซิบบอกเธอหลังจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย “ครั้งนี้เป็นการซื้อขายกันครั้งสุดท้ายนะหนู ครั้งหน้าอย่าเพิ่งมาเลย และนับแต่วันพรุ่งนี้ไปอย่าไปตลาดมืดด้วย คือว่าข้างนอกมีปัญหาอยู่นิดหน่อยน่ะ”
นางเต็มใจมอบความอนุเคราะห์นี้ให้หลินชิงเหอ ต้องขอบคุณหลินชิงเหอที่ขายเนื้อและอาหารของเธอมากขึ้น ทำให้ครอบครัวของนางได้กินมากขึ้น
อย่างเช่นในฤดูหนาวที่แล้ว หลินชิงเหอได้นำข้าวสาลีนับ 10 ชั่งและมันหวานมากกว่า 15 ชั่งมาให้นาง ซึ่งเรื่องนี้เป็นโอกาสยากนักที่จะมาถึง
และจากการซื้อขายกันอย่างยุติธรรมมาโดยตลอด คุณป้าวัยเกษียณคนนี้ก็หวังที่จะซื้อขายกับเธอต่อ
“ขอบคุณที่เตือนฉันนะคะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
จากนั้นเธอก็เก็บเงินและจากไป
เมื่อไม่มีอะไรต้องขายแล้ว หลินชิงเหอก็ขี่จักรยานกลับบ้าน
ระหว่างทางเธอก็หยุดแวะที่ชุมชนและเดินดูของ จากนั้นก็ซื้อไข่มาครึ่งตะกร้าก่อนกลับบ้าน
เมื่อถึงบ้านแล้วเธอก็หยิบของบางอย่างออกมาจากมิติเพิ่มเติม
ของที่เธอนำออกมาล้วนถูกกินหมดแล้ว ไข่พวกนี้เป็นไข่ที่ซื้อมาจากตลาดมืดในตัวอำเภอ โดยที่ในมิติยังมีไข่เหลืออยู่ตะกร้าหนึ่ง นั่นหมายความว่าเธอจะต้องลดปริมาณการกินไประยะหนึ่ง เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึงเธอจึงจะเก็บสะสมไข่ได้
เนื่องเพราะในตอนนั้นแม่ไก่จะทยอยออกไข่เรื่อย ๆ
หลินชิงเหอตอกไข่แล้วแบ่งออกเป็นสองส่วน จากนั้นก็นึ่งเป็นไข่ตุ๋น ก่อนจะตะโกนเรียกหน้าประตูบ้าน
ไม่นานนักเจ้าสามก็กลับมา
“แม่กลับมาแล้วเหรอครับ เดินทางครั้งนี้แม่คงลำบากมากเลยสินะครับ” เจ้าสามเด็กช่างพูดตัวน้อยเอ่ยด้วยรอยยิ้มประจบประแจง
เป็นเพราะหลินชิงเหอบ่นเขาเรื่องที่เขาจำได้เพียงอาหารและไม่รู้จักเอาใจใส่เธอในคราวที่แล้ว เขาจึงทำตัวแบบนี้เป็นการชดเชย เมื่อเธอกลับมาถึง สิ่งแรกที่เขาทำก็คือการเอ่ยคำชม
“งานมีไม่เยอะหรอก” หลินชิงเหอพยักหน้าตอบ
เจ้าสามยิ้ม “แม่เรียกผมทำไมเหรอครับ?”
“แม่ไม่มีลูกอมนะ แต่นึ่งไข่ตุ๋นให้ลูกแทนนะ อยากกินไหม?” หลินชิงเหอถาม
“อยากครับ” เจ้าสามตอบอย่างรู้สึกหิวขึ้นมานิดหน่อยหลังออกไปเล่นข้างนอกบ้านมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...