ท่านแม่โจวรู้สึกว่าทุกครั้งที่สะใภ้สี่พูดถึงลูกชายคนเล็กของนาง ใบหน้าของเธอก็เหมือนจะสว่างสดใสขึ้นมา
ยิ่งกว่านั้น เหตุผลที่ว่าทำไมสะใภ้สี่ถึงทำตัวดีขึ้นแล้วในตอนนี้ ก็ไม่ใช่เป็นเพราะลูกชายคนสุดท้องของนางทำให้เป็นแบบนี้หลังจากที่เขากลับมาอยู่บ้านหรอกหรือ?
เธอเคยเป็นคนหัวร้อนดื้อรั้นอย่างแท้จริง
แต่ทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องในอดีตที่ไม่ต้องใส่ใจมันแล้ว แค่ปรับปรุงตัวในอนาคตก็นับว่าพอแล้ว
ถึงอย่างนั้นท่านแม่โจวก็เห็นความสำคัญของผู้ชายต่อครอบครัวจากกรณีของสะใภ้สี่
แม้โจวชิงไป๋จะไม่ได้ทำอะไรหลังจากกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว แต่เขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงภรรยาของเขาได้ เขาทำให้ภรรยาของเขาทำตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วและกลายเป็นคนที่กตัญญูต่อคนชราทั้งสองอย่างพวกเขาได้เต็มร้อย
พวกเขากินบะหมี่ในซอสเต้าเจี้ยวกับไข่เป็นมื้อกลางวัน
หลินชิงเหอยังคงทำกิจวัตรตามปกติ การกินแค่ครึ่งชามถือว่าพอแล้ว ทั้งโจวชิงไป๋กับท่านพ่อโจวต่างกินบะหมี่ชามใหญ่
“แม่เจ้าใหญ่กินน้อยเกินไปนะ” ท่านแม่โจวเอ่ยขึ้นมาขณะกินอาหารมื้อเย็นกันอยู่
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันกินได้แค่นี้ต่างหาก” หลินชิงเหอไม่ใส่ใจ
ทุกมื้อเธอจะกินอิ่มเพียงหกส่วน เธอไม่ต้องทำงานที่ต้องใช้แรงงานมาก อาหารที่กินเข้าไปคงย่อยไม่เร็วนักหรอก
แต่ในความคิดของท่านแม่โจวคิดว่าเธอกินน้อยเกินไปหน่อย หลังจากผ่านมาหลายวันแล้วนางก็เห็นว่าทุกมื้อเธอไม่ได้กินมากนัก
ดังนั้นต่อให้เธอใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยซื้อเนื้อกับไข่กลับมาบ่อย ๆ แต่เก้าส่วนของอาหารจะลงไปอยู่ในท้องของลูกชายและหลาน ๆ ของนาง ขณะที่เธอกินไปเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น
ยังมีเรื่องอะไรให้ต้องบ่นล่ะ?
เธอไม่ใช่ผู้หญิงบางคนที่กินอิ่มเพียงคนเดียวโดยไม่ห่วงสามีและลูก ๆ เสียหน่อย
โจวชิงไป๋ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงคีบเส้นหมี่สองกลุ่มให้ภรรยา แต่หลินชิงเหอก็อึ้งไปและส่งสายตาไม่พอใจ “กินของคุณไปเถอะค่ะ”
“คุณกินมากหน่อยนะ” โจวชิงไป๋บอก
“แม่ครับ ผมให้แม่ด้วย” เจ้ารองแทรกขึ้น
“ผมด้วย” เจ้าสามพูดตาม
“แม่ครับ ส่งชามมาเถอะ ผมจะคีบให้แม่” เจ้าใหญ่ลงมือม้วนเส้นบะหมี่กลุ่มหนึ่งและทำท่าให้เธอส่งชามมาให้เขา
หลินชิงเหอเมินพวกเขาเสีย “ทุกคนกินของตัวเองไปซะ เอาแต่จะส่งเส้นหมี่คนละเล็กละน้อยให้แม่อยู่ได้ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก แม่ทำบะหมี่นี้ให้ลูก ๆ กินนะ เมื่อไหร่ที่ลูกโตขึ้นค่อยเอาของที่ดีกว่านี้มาให้แม่กินแล้วกัน”
เด็กชายทั้งสามให้สัญญาอย่างร่าเริง
ทั้งครอบครัวกินอาหารกันอย่างมีความสุข
หลังพักผ่อนเกินหนึ่งชั่วโมงมานิดหน่อย โจวชิงไป๋ก็ต้องไปทำงานอีกครั้ง
“เจ้าใหญ่ หลังเลิกเรียนแล้วอย่าลืมไปเก็บผักขมกับเจ้ารองด้วยนะ” หลินชิงเหอบอกขณะที่เจ้าใหญ่กำลังจะไปโรงเรียน
“รู้แล้วครับแม่” เจ้าใหญ่ตอบกลับ
เจ้ารองเองก็พยักหน้า สองพี่น้องต่างทำสัญญาซึ่งกันและกัน
ในยุคนี้หากบรรดานักเรียนเลิกเรียนกันแล้ว พวกเขาก็จะไปเก็บผักขมมาแลกกับแต้มค่าแรง แม้มันจะไม่มากนัก แต่แต้มค่าแรงที่ได้มาเล็กน้อยก็ยังถูกนับอยู่และสามารถเอาไปแลกส่วนแบ่งอาหารทีหลังได้ ทั้งหมดนี้คืออาหารทั้งนั้น
หลินชิงเหอปล่อยให้พวกเขาทำงานนี้และส่งสองพี่น้องไปโรงเรียน
เธอมักจะใช้วิธีนี้สอนพวกเขาอยู่เสมอ เจ้าสามยังเด็กนักเขาควรจะได้เล่นสนุกสนาน แต่ทันทีที่เขาโต เขาก็จะต้องไปเก็บผักขมมาด้วย
พวกเด็กผู้ชายเลี้ยงแบบไข่ในหินไม่ได้หรอก
แต่คนทั้งหมู่บ้านกลับเชื่อว่าวิธีการสอนลูกของหลินชิงเหอกลายเป็นการตามใจเด็กไปเสียอย่างนั้น ต่อให้ท่านแม่โจวรู้สึกว่าสะใภ้สี่รู้ที่จะรักใคร่เด็ก ๆ และดูแลชายคนรักของเธอก็ตาม
ไม่นานนักโรงนมก็เริ่มผลิตนมอีกครั้ง
มันเป็นเหมือนกับปีที่แล้ว ปีนี้เจ้าสามก็ยังไม่ชอบดื่มนมจืด หลินชิงเหอจึงเติมน้ำตาลเล็กน้อยให้เขา
พวกเขาดื่มนมกันมานานตั้งแต่ปีที่แล้ว ต่อให้โรงนมหยุดผลิต เธอก็จะไปซื้อนมผงมาชง และแจ้งเสิ่นอวี้ล่วงหน้าให้หล่อนช่วยกันนมผงไว้ให้เธอ 2 ถุง
ดังนั้นเด็ก ๆ จึงได้ดื่มนมไม่ขาด
กล่าวตามตรงก็คือเมื่อเจ้าใหญ่ได้ดื่มนมเป็นประจำ เขาก็เติบโตจนถึงขีดสุดของการเจริญเติบโตอย่างเห็นได้ชัด
เด็กชายอายุเท่านี้จะเติบโตจนกระทั่งพวกเขามีอายุ 18 หรือ 19 ปี ดังนั้นช่วงนี้จะขาดสารอาหารไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...