จากการที่ฝนตกหนักแบบนี้ ทำให้หลินชิงเหอไม่ได้เรียกท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวให้มากินข้าวที่บ้าน เธอเก็บอาหารไว้ในภาชนะบรรจุและให้เจ้าใหญ่นำไปส่งที่บ้านใหญ่
ไม่นานนักทั้งครอบครัวก็ตื่นนอนกันหมด จากนั้นจึงแปรงฟัน และกินอาหารเช้า
หลังกินอาหารเสร็จ โจวชิงไป๋ก็สวมเสื้อกันฝนเดินไปที่สวนหลังบ้านเพื่อให้อาหารหมูกับไก่ จากนั้นก็ออกจากบ้านพร้อมกับจอบอันหนึ่ง เนื่องจากฝนตกหนักมาก ทำให้เขาต้องไปตรวจดูว่าน้ำในแปลงนาระบายออกดีหรือไม่
ต่อให้พวกเขาไม่ต้องทำงานในแปลงนา แต่ยังต้องตระเวนตรวจแปลงอยู่ดี
หลินชิงเหอถึงกับคร่ำครวญว่าทำไมคนยุคนี้ที่ต้องพึ่งพาฟ้าฝนเพื่อจะได้อาหารมากินถึงมีชีวิตยากลำบากขนาดนี้
“พ่อทำงานหนักมากเลยครับ” เจ้าสามเอ่ยขึ้นมาเช่นกัน
งานหนักน่ะสิ เพราะเขาต้องออกไปข้างนอกขณะที่ฝนกำลังเทกระหน่ำนี่?
“ใช่จ้ะ ถ้าลูกมีงานทำ ลูกจะไม่ต้องทำงานหนักแบบนี้” หลินชิงเหอบอก “เจ้าใหญ่ เจ้ารอง ลูกคิดว่ายังไง?”
ทั้งเจ้าใหญ่กับเจ้ารองต่างเห็นด้วย จากนั้นสองพี่น้องก็เรียนหนังสือกัน
ส่วนหลินชิงเหอก็ตัดเย็บเสื้อผ้าที่ยังตัดไม่เสร็จต่อ
ไม่นานนักโจวชิงไป๋ก็กลับมา มันไม่มีปัญหาใหญ่อะไรต้องกังวล อีกอย่างการที่ฝนตกในหลายวันนี้ทำให้เขาไม่ต้องรดน้ำต้นกล้าที่ปลูกไว้ ดังนั้นมันจึงไม่มีอะไรให้ทำมากนัก
“ฉันตัดเสื้อใหม่ให้คุณสองตัวนะคะ ส่วนตัวเก่า ๆ จะให้น้องชายของฉันตอนที่เขาว่างมาหา ดีไหมคะ?” หลินชิงเหอถาม
“คุณไม่ต้องตัดให้ผมหรอก ตัดให้คุณเองสองชุดเถอะ” โจวชิงไป๋บอก
หลินชิงเหอยิ้มกริ่มและตอบกลับ “เสื้อผ้าของฉันไม่ค่อยมีรอยขาดหรอกค่ะ ไม่เหมือนเสื้อผ้าของพวกคุณ”
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอไม่ได้ตัดเสื้อหลายชุดนักตั้งแต่ทะลุมิติมาที่นี่ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเสื้อผ้าเดิมของเจ้าของร่างเดิม ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ยังมีสภาพดี อีกอย่างหนึ่งเธอก็ไม่ขาดเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องตัดเสื้อผ้าใหม่ให้ตัวเอง
โจวชิงไป๋จ้องมองภรรยา เขารู้ว่าคนในหมู่บ้านมีความคิดไม่ดีต่อภรรยาของเขา พวกเขาพากันพูดว่าเธอไม่รู้จักใช้ชีวิต แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าเธอเป็นแบบนั้นหรือไม่
ปกติแล้วของดีทุกอย่างล้วนเป็นของเขากับเด็ก ๆ ส่วนของของเธอเองมักจะขึ้นกับสถานการณ์ความเหมาะสม
โจวชิงไป๋ไม่ใช่คนปากหวาน เขารู้อยู่ในใจว่าเธอทุ่มเทให้กับครอบครัวนี้ขนาดไหน ทั้งหมดเป็นเพราะเธอที่ทำให้ทั้งครอบครัวมีชีวิตชีวาได้ในตอนนี้
“คุณมองฉันแบบนี้ทำไมคะ?” หลินชิงเหอเหลือบมองเขาขณะกำลังเย็บสาบคอเสื้อ เมื่อเห็นเขาเอาแต่จ้องมองเธอแบบนี้ หญิงสาวก็ถามด้วยความสงสัย
“ตัดให้คุณเองสักสองตัวเถอะ” โจวชิงไป๋ยังคงยืนยันคำเดิมขณะจ้องมองเธอ
“ค่ะ” หลินชิงเหอหัวเราะในลำคอจากนั้นก็เย็บเสื้อผ้าต่อ
คนหนึ่งนั่งเย็บผ้า ขณะที่อีกคนหนึ่งมองคนเย็บเสื้อผ้า เป็นอะไรที่ไม่น่าเบื่อเลย
“ปีนี้ต้องเลาะเสื้อกันหนาวของเจ้าใหญ่มาถักใหม่แล้วนะคะ เด็กคนนี้เหมือนกับคุณเลยที่อนาคตจะกลายเป็นคนตัวสูง” หลินชิงเหอเอ่ยเจื้อยแจ้ว
“คุณอย่าหักโหมมากนะ” โจวชิงไป๋ตอบ
“มันไม่เหนื่อยหรอกค่ะ ที่บ้านก็มีอะไรให้ทำอยู่ตลอด” หลินชิงเหอบอก
แม้เธอจะสามารถเรียนภาษาจีน คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษในยามว่างเพื่อจะให้สอบผ่านได้ แต่เธอก็ต้องทำงานบ้านที่ควรทำทั้งหมดให้เสร็จ ไม่อย่างนั้นมันจะรู้สึกคันยุบยิบอยู่ในใจ
“จริงสิ โรงเรียนมัธยมต้นในตำบลต้องการครูไหมคะ? ฉันรู้สึกอยากสอนหนังสือขึ้นมาน่ะค่ะ” หลินชิงเหอเปลี่ยนประเด็น
“สอนหนังสือ?” โจวชิงไป๋เอ่ยอย่างประหลาดใจ
“ไม่ดีเหรอคะ?” หลินชิงเหอปรายตามองเขา
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ถ้าคุณอยากสอนหนังสือ คุณต้องสอบก่อนน่ะ” โจวชิงไป๋บอกขณะมองภรรยา
เขาไม่คิดเลยว่าภรรยาจะมีความคิดแบบนี้ เขาเคยเห็นลายมือของเธออยู่และคิดว่าเธอเขียนหนังสือสวยมาก เพียงแต่ว่างานสอนหนังสือไม่ใช่งานง่าย ๆ เท่านั้น
“มีสอบก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยิ่งกว่านั้นเมื่อไหร่ที่มหาวิทยาลัยคนงาน ชาวนา และทหารเปิด การศึกษาก็จะกลายเป็นเรื่องสำคัญ โรงเรียนมัธยมต้นในอำเภอจะต้องให้ความสนใจมากขึ้นแน่ ๆ ค่ะ” หลินชิงเหอบอก
เธอแค่รู้สึกว่าไม่อาจนั่งรออยู่เฉย ๆ ได้ถูกไหมล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...