ช่างน่าเสียดายที่ผู้หญิงแบบนี้กลับยังคงอาศัยอยู่ในชนบทอันแร้นแค้นกันดารแห่งนี้
โดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเคยสังเกตมาก่อนหน้านี้ว่าเธอมีความสัมพันธ์แบบงั้น ๆ กับโจวชิงไป๋ ต่อให้มีลูกสามคนแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อกันมากนัก
แต่หลังจากที่โจวชิงไป๋เกษียณ เขามักจะมาป้วนเปี้ยนกับเธอเป็นบางครั้งบางคราว เธอเองก็เดินอยู่กับเขาประจำ แม้จะไม่มีการกระทำอะไรที่ดูเป็นพิเศษ แต่ใครที่มาเห็นก็ยังเดาได้ว่าเธอกับโจวชิงไป๋เป็นคู่แต่งงานที่มีความสัมพันธ์กลมเกลียวต่อกัน
ดูเหมือนว่าเธอเริ่มเปลี่ยนตัวเองเมื่อโจวชิงไป๋กลับมา
เธอได้รับการหล่อเลี้ยงจากโจวชิงไป๋ ก็เลยทำให้เธอเปลี่ยนไปอย่างนั้นเหรอ?
เฉินซานรู้สึกงุนงง เขาไม่เข้าใจเลยต่อให้เค้นสมองคิดเพียงใด และไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของหลินชิงเหอเปลี่ยนไปแล้ว
การเรียนการสอนดำเนินไปจนกระทั่งถึงเดือนธันวาคม และเนื่องจากหิมะตกหนักนี่เอง วันหยุดก็ได้เริ่มต้น
แม้ว่าระหว่างวันหยุดจะไม่มีแต้มค่าแรงและเงินเดือนให้ แต่ทางโรงเรียนก็ยังให้คูปองฝ้าย 2 ชั่งเป็นการชดเชยในวันก่อนจะถึงวันหยุด
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ครูใหญ่สู้ให้กับคุณครูทุกคนในโรงเรียนในตอนที่เขามุ่งหน้าเข้าไปในอำเภอ
“ฉันได้ยินมาว่าครูในโรงเรียนมัธยมปลายประจำอำเภอยังได้ค่าแรงกันระหว่างหยุดสอนอยู่เลยนะ” คุณครูสวีเอ่ยขึ้น
“โรงเรียนในชนบทอย่างเราเทียบพวกเขาไม่ได้หรอก” หลินชิงเหอตอบ
“คุณมีฝ้ายพอหรือเปล่าคะ?” คุณครูสวีถาม
หลินชิงเหอเป็นคนที่เดาใจคนเก่ง แค่สบตาอีกฝ่ายก็รู้ว่าคิดอะไร เธอจึงเอ่ยกระซิบ “คุณครูสวีอยากจะแลกกับฉันเหรอคะ?”
“เราไม่ขาดของสิ่งนี้ที่บ้านหรอกค่ะ” คุณครูสวียิ้ม
ยิ่งกว่านั้นถ้าเธอนำคูปองฝ้ายสองชั่งกลับไปที่บ้าน เธอก็จะได้ใช้มันเป็นกองทุนสาธารณะ และอาจจะได้ขายมันอย่างลับ ๆ ด้วย
“คุณครูสวีอยากแลกกับอะไรเหรอคะ?” หลินชิงเหอถาม
“ฉันอยากแลกกับคูปองอุตสาหกรรมสองใบน่ะค่ะ คุณพอจะมีบ้างไหมคะ?” คุณครูสวีถามกลับ
คนส่วนมากอาจไม่จำเป็นต้องมีคูปองอุตสาหกรรม แต่คุณครูสวีเชื่อว่าหลินชิงเหออาจเก็บมันไว้บ้าง เนื่องจากโจวชิงไป๋เคยอยู่ในกองทัพมาก่อน ดังนั้นเขาจึงมีคูปองทุกชนิด ยิ่งกว่านั้นยังเป็นแบบคูปองทั่วประเทศที่ไม่มีวันหมดอายุด้วย
“คุณครูสวีถามถูกคนแล้วค่ะ” หลินชิงเหอยิ้มกริ่ม เธอหยิบคูปองอุตสาหกรรมสองใบออกจากกระเป๋ากางเกงโดยที่จริง ๆ แล้วมันมาจากในมิติของเธอ
“คุณเอามันติดตัวไปด้วยทุกที่เลยเหรอคะ?” คุณครูสวีถามอย่างประหลาดใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ พอดีฉันมีของบางอย่างที่ต้องซื้อ แต่ในเมื่อคุณครูสวีต้องการก็รับไปเถอะค่ะ ฉันให้” หลินชิงเหอตอบ
คุณครูสวีพยักหน้า และทั้งสองคนก็แลกคูปองกัน
หลินชิงเหอได้คูปองฝ้ายไปทั้งหมด 4 ชั่ง ต้องบอกว่าจำนวนเท่านี้นับว่ามากทีเดียว
ที่บ้านไม่ขาดแคลนฝ้าย เมื่อปีที่แล้วก็เพิ่งใช้ทำเสื้อกันหนาวและเสื้อผ้าอื่น ๆ ไปทั้งหมด และพวกมันก็ยังมีสภาพดีทุกตัว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้คูปองฝ้ายพวกนี้เลย
นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลินชิงเหอนำคูปองฝ้ายไปให้น้องชายสามตระกูลหลิน
คูปองฝ้าย 4 ชั่งนับว่าพอให้น้องชายสามตระกูลหลินซื้อฝ้ายกลับมาบุเสื้อกันหนาวและผ้านวม
“ถ้านายอยากใช้จักรยานก็มายืมที่บ้านพี่ได้นะ ตอนนี้พี่ไม่ต้องไปทำงานก็เลยไม่ต้องใช้น่ะ” หลินชิงเหอบอกน้องชาย
“ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมมาหาได้ไหมครับ?” น้องชายสามตระกูลหลินถาม
“ได้สิ” หลินชิงเหอพยักหน้า
วันต่อมาน้องชายสามตระกูลหลินจึงได้มายืมจักรยาน มีคูปองฝ้ายแล้วเขาก็สามารถไปซื้อฝ้ายที่ร้านค้าสหกรณ์ในตำบลได้ แต่เขากลับเลือกเดินทางตรงไปยังตัวอำเภอ
เขานำผ้าพับหนึ่งและฝ้ายจำนวนหนึ่งกลับมา
ระหว่างทางเขาก็ซื้อลูกอมนมกลับมาให้เจ้าใหญ่และน้อง ๆ ซึ่งหลินชิงเหอก็ไม่ปฏิเสธ ทำเพียงเตือนให้เขาระวังตัวขณะกลับบ้าน
ตอนนี้หลินชิงเหอรู้สึกสบายใจเพราะว่าเธอไม่ต้องไปทำงาน
เธอมักจะนอนขลุกอยู่บนเตียงเตากับโจวชิงไป๋ ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นนอกจากศึกษาตำราภาษาอังกฤษ
ตอนแรกเธอไม่คิดจะให้โจวชิงไป๋รู้เรื่องนี้ แต่ด้วยเหตุผลใดไม่อาจทราบได้ เธอกลับเชื่อใจเขา มันคงเป็นความเชื่อใจเขาแบบสุดใจจึงทำให้เธอหยิบมันออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...