“ลูกลืมเรื่องทุนการศึกษาไปได้เลย อย่างมากลูกก็ได้แค่ปากกาหรือไม่ก็แก้วเคลือบเท่านั้นแหละ” หลินชิงเหอบอก
แม้จะมีสัญญาณว่าการศึกษามีการพัฒนาแล้ว แต่มันก็ยังไม่ถึงระดับนั้นหรอก
จึงไม่มีสิ่งที่เรียกว่าทุนการศึกษา
หลินชิงเหอไม่ได้ปริปากเรื่องตะคริวของเจ้าใหญ่ เธอทำเพียงให้เจ้าใหญ่ดื่มนมมากขึ้น
นอกจากนมแล้ว เธอก็ยังปรุงไข่หรืออะไรทำนองนั้นให้เขานำไปกินรองท้องกันหิวที่โรงเรียนทุกวัน
หลังกินอาหารแบบนี้มาเพียงครึ่งเดือน เด็กคนนี้ก็บอกว่าเขาไม่เป็นตะคริวที่ขาในตอนกลางคืนอีกแล้ว
ท่านพ่อโจวก็มีความคิดเห็นว่ามันดีมาก
ส่วนท่านแม่โจวคิดว่าสะใภ้สี่ช่างเต็มใจทุ่มจ่ายเสียจริง ๆ
โจวชิงไป๋ผู้เป็นพ่อของเด็กก็เคยประสบกับเหตุการณ์นี้เช่นกัน ในตอนเข้าวัยแตกหนุ่มเขาก็ประสบกับภาวะนี้
แต่ในยุคนั้นย่ำแย่กว่ายุคนี้มาก แค่มีอาหารให้ทานอิ่มท้องก็นับว่าดีมากแล้ว เรื่องดื่มนมหรือกินไข่เหรอ? ต่อให้พ่อแม่จะอยากให้เขากินก็อย่าหวังว่าจะได้กินเลย
“เป็นเรื่องยากที่คุณจะตัวสูงได้ในยุคนั้นนะคะ”หลินชิงเหอพูดเรื่องนี้กับโจวชิงไป๋ตอนที่เธอว่าง
“ผมไม่ได้อยู่ที่บ้านนานนักก่อนจะได้เข้ากองทัพน่ะ” โจวชิวไป๋บอก
พูดถึงก็ทำให้รู้ว่าเขาเริ่มเติบโตจริง ๆ ก็หลังจากเข้ากองทัพแล้ว
ช่วงที่เขาเจริญเติบโตเร็วที่สุดคือตอนที่เขาสูงเพิ่มขึ้นเกือบ 13 เซนติเมตรใน 1 ปี
ทุกครั้งที่เขากลับมาบ้าน เขาก็ตัวสูงอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่แม่ของเขาบอก
หลินชิงเหอยิ้มกริ่ม “ถ้าคุณอยากกินอะไรฉันจะทำให้คุณกินนะคะ ต่อให้มันจะช้าไปหน่อยก็เถอะ คุณเองก็ต้องบำรุงเหมือนกัน”
โจวชิงไป๋รู้ว่าภรรยากำลังหยอกเอินเขา มุมปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ว่าอะไร
ตอนนี้หลินชิงเหอกำลังตุ๋นน้ำแกงอยู่
ซุปซี่โครงหมู ซุปกระดูกหมู ซุปปลา ซุปกุ้งแห้ง และซุปสาหร่ายคือสิ่งที่หลินชิงเหอทำบ่อย ๆ
แต่ต่อให้มีการบำรุงแบบนี้ เจ้าใหญ่ก็ไม่ได้อ้วนเลย ไม่เพียงแต่เขาจะไม่อ้วน แต่เขากลับดูผอมเสียอีก ซึ่งแน่นอนว่าเขาได้รูปร่างนี้มาจากโจวชิงไป๋
เขาดูผอมก็จริง แต่ถ้าถอดเสื้อออกแล้วจะพบว่าเขาไม่ได้ผอมเลย
เจ้ารองกับเจ้าสามก็มีรูปร่างดี ส่วนสองพี่น้องซูเฉิงน้อยกับซูสวิ่นน้อยนั้นมีรูปร่างอ้วนท้วนมากขึ้นเนื่องเพราะพวกเขายังเด็ก เด็กทั้งคู่ตัวอวบขึ้นอย่างเห็นชัด
แล้วแบบนี้ ใครจะไม่ชมกันละว่าคุณครูหลินผู้เป็นป้าสะใภ้เลี้ยงดูพวกเขาดีขนาดไหน?
วันนั้นหลินชิงเหอไม่มีสอน เธอจึงปั่นจักรยานเข้าไปในอำเภอแต่เช้าตรู่
เธอมาที่นี่เพื่อมาซื้อปลา ครั้งนี้เธอวางแผนจะซื้อในปริมาณมากเพื่อเก็บไว้ในมิติ โดยเฉพาะปลาจี้อวี๋ที่จะมาต้มซุป ซึ่งปลาจี้อวี๋ในยุคนี้เป็นปลาป่าที่จับจากธรรมชาติโดยแท้
หลินชิงเหอชอบซุปที่ทำจากเต้าหู้เป็นการส่วนตัว
เธอไม่ชอบกินปลาจี้อวี๋นักเพราะมันมีแต่ก้าง ทั้งหมดที่เธอทำคือการบำรุงโจวชิงไป๋ล้วน ๆ
ในตลาดมืดมีปลาขาย หลินชิงเหอจึงซื้อมาเต็มถุงตาข่าย แถมที่ตลาดยังมีปลาน้ำจืดอย่างปลานิล ปลาจี้อวี๋ ปลากะพงด้วย
หลินชิงเหอซื้อพวกมันมาทั้งหมดโดยไม่ยั้งมือ และเก็บมันเข้ามิติในทันทีที่ไม่มีใครอยู่
จากนั้นเธอก็ซื้อเก๋ากี้ถุงหนึ่งและพุทราจีนถุงหนึ่ง รวมทั้งลูกอมถุงหนึ่งด้วย จากนั้นก็ไม่มีอะไรต้องซื้อแล้ว
เธอนำของเหล่านี้กลับบ้าน
หลินชิงเหอจัดการทุบปลาจี้อวี๋ทันทีที่กลับถึงบ้าน จากนั้นก็นำลงเคี่ยวกับเต้าหู้ เมื่อถึงเวลาเหมาะเธอก็โรยเก๋ากี้ลงไปนิดหน่อย ซึ่งจะทำให้มันอร่อยขึ้น
ในตอนเที่ยงวัน ทุกคนก็รับประทานอาหารกันอย่างสำราญใจ
“ไม่รู้ว่าบ่ายนี้ฉันจะขึ้นไปเก็บเห็ดบนภูเขาได้หรือเปล่านะคะ” หลินชิงเหอบอก
“ตาเฒ่า คุณคิดว่าฝนจะตกเมื่อไหร่น่ะ?” ท่านแม่โจวถามสามี
ประสบการณ์ของท่านพ่อโจวช่างแม่นยำนัก เขาบอกว่า “อีกไม่นานหรอก ยิ่งช่วงนี้อากาศอบอ้าวแบบนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...