หลินชิงเหอรู้สึกว่าเป็นเรื่องดีที่ได้เป็นคุณครู แม้ต้องจัดสมดุลระหว่างชีวิตการงานกับชีวิตครอบครัวก็ตาม
เธอได้เงินเดือน 13 หยวน แถมยังมีคูปองผ้ากับคูปองอาหารอีกนิดหน่อยเมื่อถึงสิ้นปี ต่อให้เธอจะไม่ได้ใช้ แต่ก็คงมีคนจำนวนมากพร้อมใจแห่มาขอแลกไป ซึ่งนี่ก็ถือเป็นผลพลอยได้อีกอย่างหนึ่ง
ระหว่างปิดเทอมฤดูร้อนนี้หลินชิงเหอก็ว่างงาน ในขณะที่โจวชิงไป๋ยังคงทำงานอยู่ เขาต้องทำงานในทุ่งนาที่ควรทำให้เสร็จ เนื่องเพราะเมล็ดพันธุ์ในฤดูนี้จะส่งผลต่อผลผลิตในช่วงการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเรื่องนี้ไม่อาจปล่อยปละละเลยได้
“แม่ ผมจะไปว่ายน้ำกับพี่ใหญ่และคนอื่น ๆ นะครับ” เจ้าสามบอก
“อย่าลืมผูกแท่งโฟมนี้กับแขนด้วยนะ” หลินชิงเหอบอกขณะเดินไปหยิบแท่งโฟมมาให้
นี่คือโฟมที่ได้จากกล่องโฟมที่เคยใช้ใส่ซาลาเปา หลังกินซาลาเปาหมดแล้วมันก็เหลือกล่องอยู่ หลักถอดแยกชิ้นส่วนออกแล้วเธอก็มัดรวมกัน สามารถใช้เป็นทุ่นลอยตัวได้
เจ้าสามหยิบแท่งโฟมและเดินออกไป
หลินชิงเหอออกไปดูด้วย เมื่อเห็นว่าเขาผูกท่อนโฟมกับแขนของตัวเองแล้วเธอก็ไม่ว่าอะไร
เด็กในชนบทต้องเรียนรู้ที่จะว่ายน้ำให้เป็น ซึ่งเจ้าใหญ่ว่ายน้ำเป็นแล้ว เจ้ารองก็เช่นกัน ส่วนเจ้าสามยังว่ายไม่เป็นและยังหัดว่ายอยู่
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสนุกในฤดูร้อนของเด็ก ๆ อีกอย่างการว่ายน้ำก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีเยี่ยมด้วย
“คอยดูน้องไว้ด้วยนะ” หลินชิงเหอกำชับเจ้าใหญ่กับเจ้ารอง
“คุณครูหลินไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะดูแลพวกเขาทั้งสามคนเลย” เด็กหนุ่มอายุราว 13-14 ปีคนหนึ่งเอ่ย
“จ้ะ ขอบคุณมากนะจ๊ะ” หลินชิงเหอยิ้มให้เขา
คราวที่แล้วที่ไปเก็บเห็ด เด็กหนุ่มคนนี้ก็เก็บได้เยอะมาก ตอนที่เธอรวบรวมปลาไหล เขาก็จับมาได้มากเหมือนกัน หลินชิงเหอทำการค้าขายอย่างยุติธรรมเสมอ เธอไม่เคยให้พวกเขาขาดแม้แต่เหมาเดียว จึงเป็นเหตุว่าทำไมเด็กหนุ่มคนนี้ถึงมีความประทับใจต่อคุณครูหลินอย่างหาใดเปรียบ
และเด็ก ๆ ทั้งหลายก็มีความชื่นชมต่อคุณครูหลินโดยธรรมชาติ
ซูเฉิงน้อยเองก็อยู่ตรงนั้น แต่เขาไม่ได้ลงไปในน้ำ กลับขุดหาปลาหนีชิวกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันตรงบริเวณหนึ่ง ซึ่งหลินชิงเหอก็ปล่อยให้เขาทำแบบนั้น
มันเป็นเวลาเกือบเย็นย่ำแล้วในตอนที่เหล่าพี่น้องกลุ่มนี้กลับมาพร้อมกัน
“คุณป้าสะใภ้สี่ครับ เย็นนี้เราจะกินอะไรกันเหรอครับ?” ซูเฉิงน้อยถามในทันทีที่กลับมา
แม้ซูต้าหลินจะพูดติดอ่าง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ถูกถ่ายทอดมาให้ลูกชาย โดยเฉพาะตั้งแต่ตอนที่ซูเฉิงน้อยโตขึ้นมาในบ้านตระกูลโจวและได้พบปะเด็กคนอื่นมากหน้าหลายตา ซึ่งเขาเองก็พูดปร๋อมากเลยทีเดียว
“วันนี้เราจะกินซูเฉิงน้อยตุ๋นกันจ้ะ” หลินชิงเหอตอบ
ซูเฉิงน้อยนิ่งค้าง ขณะที่เจ้าสามหัวเราะพลางพูดล้อว่า ซูเฉิงน้อยตุ๋น
ซูเฉิงน้อยยิ้มกริ่มเช่นกัน อย่าตัดสินความฉลาดจากอายุของเขาเชียว เขาเองก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่น
วันนี้พวกเขากินผัดมะเขือเทศใส่ไข่ หมูผัดแตงกวา ซุปปลาหนีชิวกับเต้าหู้ และซุปกุ้งแห้ง
ในช่วงต้นปีนี้เจ้าใหญ่ยังเป็นตะคริวอยู่ แต่ตอนนี้มันไม่เกิดขึ้นแล้ว ส่วนสูงของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ก่อนหน้านี้หลินชิงเหอคิดว่าเขาคงจะสูงอย่างมาก 155 เซนติเมตรในปีนี้ แต่ในครึ่งปีแรกเขาก็สูงถึง 155 เซนติเมตรแล้ว สิ้นปีนี้น่ากลัวว่าเขาจะสูงถึง 160 เซนติเมตร
หลินชิงเหอเก็บนม 2 ขวดต่อวันไว้ให้เขาดื่ม ส่วนน้องชายอีกสองคนยังไม่ถึงเวลานั้น จึงไม่จำเป็นต้องสั่งซื้อมามากนัก
แต่เมื่อไหร่ที่ปีนี้เธอได้คูปองผ้ามา มันก็จำเป็นที่จะตัดชุดใหม่ให้เจ้าใหญ่ แม้เธอจะตัดชุดแบบเผื่อโตไว้บ้างแล้ว แต่มันก็ใหญ่ไม่พอสำหรับตัวเจ้าใหญ่ปีนี้ ดังนั้นเธอคงต้องส่งต่อมันให้เจ้ารอง
ถึงอย่างนั้นหลินชิงเหอก็ยังรู้สึกภาคภูมิใจยามมองเด็กคนนี้ เขาช่างเหมือนพ่อไม่น้อย เธอรู้สึกพอใจมาก
ในกลางเดือนสิงหาคม ซูต้าหลินกับโจวเสี่ยวเม่ยก็มาที่ชนบทเพื่อพักผ่อนในวันหยุด
ซูเฉิงน้อยโตมาอย่างดี ส่วนซูสวิ่นน้อยคลานได้รวดเร็วแล้ว ซึ่งท่านแม่โจวเป็นคนดูแลเขาเป็นส่วนใหญ่
หลินชิงเหอไม่ว่างเลย เพราะต้องสอนหนังสือในชั้นเรียน
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี
เมื่อคนทั้งคู่มาถึง ซูต้าหลินก็มาหาลูกชายที่รักทั้งสอง ขณะที่โจวเสี่ยวเม่ยคุยกับหลินชิงเหอตามประสาผู้หญิงคุยกัน
เรื่องหลัก ๆ ก็คือซูต้าหลินอยากได้ลูกสาวสักคน
หลินชิงเหอไร้คำพูดไป ทำไมถึงมาคุยเรื่องนี้กับเธอล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...