พวกเขากินอาหารกันที่บ้านตระกูลโจว หลังกินเสร็จแล้วพี่สาวตระกูลโจวทั้งสองก็มาเยี่ยมที่บ้าน
หลินชิงเหอให้การต้อนรับพวกหล่อน ทั้งคู่ไม่ใช่ญาติระดับสูงที่ไหนและยังมาดีด้วย จึงไม่เป็นไรนักหากญาติสองคนนี้จะมาเยี่ยมที่บ้าน
ทั้งพี่สาวใหญ่กับพี่สาวรองรู้ว่าสะใภ้สี่ปรับปรุงตัวดีขึ้นแล้ว พวกหล่อนย่อมเต็มใจที่จะคลุกคลีกับครอบครัวนี้
ก่อนที่หลินชิงเหอจะมาที่นี่ พวกหล่อนไม่เคยย่างเท้าเข้ามาในบ้านนี้แม้แต่ก้าวเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของร่างเดิมคงไม่สนใจในสิ่งที่พวกหล่อนทำหรอก
ในใจของเจ้าของร่างเดิมคงจะคิดว่ามันคงดีกว่าหากถอนความสัมพันธ์กับคนยากจนสองคนนี้เร็วขึ้น
พี่สาวใหญ่กับพี่สาวรองพาสามีของหล่อนกลับไปในทันทีที่ถึงเวลาบ่ายสองโมง ทั้งสองครอบครัวเดินทางบนถนนสายเดียวกัน จึงทำให้พี่สาวน้องสาวได้คุยกัน
“สะใภ้สี่ตอนนี้มีเหตุมีผลมากขึ้นแล้วนะ” พี่สาวใหญ่เ่อ่ยด้วยท่าทางพอใจอย่างมาก
“ในอดีตที่ชิงไป๋ไม่อยู่บ้าน มันไม่ง่ายเลยนะคะที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องเลี้ยงลูกสามคนตามลำพัง โดยเฉพาะตอนนั้นที่หล่อนยังเด็กอยู่มาก” พี่สาวรองเอ่ยกลับ
หล่อนชี้นี้จุดขึ้นมาเป็นประเด็น
พี่สาวใหญ๋ก็คิดเช่นนั้นด้วย
ในฐานะผู้หญิงแล้ว เรื่องที่เหลือต่างไม่สำคัญ แค่ไม่สามารถอยู่ได้โดยไร้สามีในครอบครัวเท่านั้น
ผู้ชายในครอบครัวเหมือนกับเสาหลักต้นหนึ่ง พวกเขาจะทำอย่างไรหากไร้เสาหลัก?
พี่สาวใหญ่กับพี่สาวรองมีความคิดแบบอนุรักษนิยมมาก แต่เป็นเพราะการมีความคิดแบบนี้จึงทำให้พวกหล่อนอาศัยอยู่ได้อย่างสมถะอย่างยิ่ง
แม้ทางฝั่งพี่สาวรอง พ่อแม่สามีจะลำเอียงต่อครอบครัวสาขาแรก แต่คนทั้งคู่ก็ได้แยกตัวออกมาแล้วในตอนนี้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรในอนาคต มันก็ไม่กระทบกับพวกเขา
ดังนั้นหล่อนจึงรู้สึกสงบใจลงได้
“พี่หญิงใหญ่ ฉันกลัวว่ามันจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งกว่าจะคืนเงินที่ยืมพี่มาได้นะคะ” พี่สาวรองบอกพี่สาวใหญ่
“เธอใช้ชีวิตอยู่ให้ดีก่อนเถอะแล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กัน” พี่สาวใหญ่ไม่ใส่ใจมากนัก
สภาพครอบครัวของหล่อนยังไม่สู้ดีนัก แต่หล่อนก็ไม่ได้มีความเร่งด่วนที่จะต้องใช้จ่าย
พี่สาวน้องสาวคุยกันตลอดทางจนถึงทางที่ต้องแยกกัน ถึงจุดนั้นแล้วต่างคนต่างก็พาสามีของพวกหล่อนกลับบ้าน
หลินชิงเหอไม่รู้เลยว่าบทสนทนาของพี่สาวน้องสาวสองคนนั้นรวมถึงตัวเธอด้วย ซึ่งเธอกำลังง่วนอยู่กับการนึ่งถั่วแดง
เธอวางแผนจะทำหมั่นโถวถั่วแดง
ถั่วแดงถูกต้มจนกระทั่งน้ำงวด จากนั้นก็จะใช้ช้อนบดจนกลายเป็นถั่วแดงบด ก่อนเติมน้ำตาลลงไปในปริมาณที่เหมาะสมและคนให้เข้ากัน
หลังจากนั้นจึงตักออกมาใส่แป้งที่นวดแผ่เป็นแผ่นแล้วห่อก่อนนำลงหม้อ หมั่นโถวที่นึ่งได้จะมีไส้ภายในเป็นถั่วแดงบด
มันมีรสหวานปะแล่มเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นโจวชิงไป๋ก็สามารถกินได้ 7 ลูกในมื้อเดียว
เหล่าเด็กชายชอบมันเป็นพิเศษ
ไม่ต้องพูดถึงท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวเลย แต่ละคนกินมันพร้อมกับซุปที่ทำมาจากถั่วลิสงกับงาบด
เมื่อเห็นว่าอากาศในปีนี้หนาวเหน็บจนแทบแข็งเพียงใด พวกเขาก็ไม่ได้เข้าอำเภอไปเที่ยวเล่น รอจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิก่อนเถอะแล้วค่อยว่ากันอีกที คงจะดีกว่าถ้าตอนนั้นได้ถ่ายรูปเก็บไว้ปีละครั้งเป็นการบันทึกความทรงจำ
โจวชิงไป๋กับลูกชายคนรองและลูกชายคนเล็กไม่มีอะไรต้องทำจึงออกไปล่าไก่ฟ้าและกระต่ายป่าทุกวัน ่ส่วนหลินชิงเหอทำอาหารอร่อย ๆ ที่บ้านเมื่อมีเวลาว่าง
จะว่าไปแล้ว คนที่ยุ่งมากที่สุดก็คือเจ้าใหญ่ เขาทำทั้งท่องจำบทความ แก้โจทย์คณิตศาสตร์ และเขียนเรียงความ
ในวันที่เจ็ดของเดือนแรก หลินชิงเหอก็ให้เขาได้พักหนึ่งวัน
“พ่อกับน้าของลูกกำลังจะเดินทางไปที่ไกลออกไปเพื่อไปล่าไก่ฟ้า ลูกอยากไปพร้อมกับพวกเขาไหม” หลินชิงเหอถาม
เจ้าใหญ่รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เขาจึงหันไปมองพ่อ
โจวชิงไป๋ไม่คัดค้าน แต่พูดกับลูกชายว่า “อย่าคอยถ่วงเราล่ะ”
“ไม่ถ่วงแน่นอนครับ!” เจ้าใหญ่ลั่นวาจาทันที
เพราะว่าสถานที่ที่พวกเขาจะไปนั้นอยู่ไกลออกไป เจ้ารองกับเจ้าสามเลยไม่ได้ไปด้วย ส่วนเจ้าใหญ่นั้นไม่มีปัญหา เด็กคนนี้ยังคงโตขึ้นเรื่อย ๆ เขาสูงถึง 160 เซนติเมตรเทียบได้กับเด็กอายุ 14 ปีโดยเฉลี่ยเลยทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...