หลินชิงเหอเหลือบขึ้นมองหลังทายาให้โจวชิงไป๋เสร็จและเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้กำลังจ้องมองเธอ หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่งและเอ่ยขึ้น “คุณมองอะไรน่ะคะ?”
“ครั้งต่อไปผมจะจำใส่ใจไว้นะ” โจวชิงไป๋ลั่นวาจา
หลินชิงเหอแค่นเสียงพลางหัวเราะ “คุณไม่ต้องใส่ใจหรอกค่ะ ถ้าเกิดคุณโชคร้ายเป็นอะไรขึ้นมา ก็อย่าหวังว่าฉันจะอยู่เป็นหม้ายเพื่อคุณเลยค่ะ ฉันจะแต่งงานใหม่และพาลูก ๆ ไปอยู่ด้วย แล้วก็ให้ลูกๆ ของคุณเรียกผู้ชายคนใหม่ว่าพ่อแทน”
สีหน้าของโจวชิงไป๋เปลี่ยนเป็นมืดครึ้มทันที
หลินชิงเหอไม่สนใจเขาและหันหลังเดินออกไป
โจวชิงไป๋รู้สึกหมดแรง ภรรยาของเขาถึงกับกล้าพูดอะไรออกมาแบบนี้ เธอพูดว่า แต่งงานใหม่ ต่อหน้าเขาได้อย่างหน้าตาเฉย
แต่เมื่อชายหนุ่มนึกภาพเธอกลายเป็นผู้หญิงของคนอื่นและลูก ๆ ของเขากลายเป็นลูกของคนอื่นขึ้นมา เขาก็รับไม่ได้
ดังนั้นเขาคงต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ แล้วล่ะ
หลินชิงเหอเดินออกมาตรวจร่างกายของเจ้าใหญ่ แต่เจ้าใหญ่ก็เอ่ยให้เธอสบายใจว่า “แม่ครับ แม่ไม่ต้องกังวลไปหรอก มีพ่อคนเดียวที่ล้มหมูป่าลง คุณน้ากับผมไม่ได้เข้าไปช่วยเลย”
พูดถึงตอนนี้เจ้าใหญ่ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยอยู่เลย
พ่อของเขาแข็งแรงมากจริง ๆ จนเขาอิจฉาในฝีมือมาก เขาอยากจะเรียนอะไรแบบนี้จากพ่อเหลือเกิน!
หลินชิงเหอยังไม่รู้ว่าเจ้าใหญ่แอบไปหาพ่อและบอกเรื่องนี้กับเขา ซึ่งโจวชิงไป๋ก็ไม่คัดค้าน เขาเรียนได้เท่าที่เขาจะอยากเรียน
นับตั้งแต่เหตุการณ์ล้มหมูป่าครั้งนี้เกิดขึ้น เจ้าใหญ่ก็เริ่มเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้จากพ่อของเขา
ด้วยการฝึกปรือแบบนี้แล้ว มันก็ทำให้เจ้าใหญ่กินจุกว่าพ่อของเขา จนทำให้หลินชิงเหอรู้สึกว่าถ้าครอบครัวของเธอไม่มีรายได้แบบไม่โปร่งใสบางอย่างล่ะก็ เธอก็ไม่อาจมีลูกชายที่กินจุแบบนี้ได้จริง ๆ ยิ่งกว่านั้นลูกชายที่ว่ายังมีอีกสองคนด้วย…
เนื้อหมูป่าถูกกินจนหมดในสิ้นเดือนมกราคม ซึ่งอากาศในตอนนั้นควรจะอุ่นขึ้นแล้ว แต่ปีนี้กลับยังเย็นอยู่ จนถึงตอนนี้อุณหภูมิยังไม่เพิ่มขึ้นเลย
เกรงว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิเสียแล้ว
หลินชิงเหอลางานในเช้าวันนั้น จากนั้นก็เดินทางเข้ามาในอำเภอเพื่อระบายขายสิ่งที่เธอสะสมไว้
หลังสะสมของมาครึ่งเดือน มันก็ถึงวันที่สิบห้ามกราคมซึ่งเป็นวันที่เธอกับโจวชิงไป๋พาเด็ก ๆ เข้ามาในเมืองเพื่อถ่ายรูปและเที่ยวเล่นเช่นเดียวกับขายเนื้อหมูชุดที่สะสมไว้ ซึ่งมันเป็นชุดที่เธอเพิ่งซื้อกับเม่ยเจี่ยในครั้งล่าสุด
ปีนี้เป็นปี 1975 แม้อะไร ๆ จะยังเข้มงวดอยู่ แต่บรรยากาศก็ดีขึ้นกว่าปีก่อน ๆ มากนัก
ไม่ว่าจะเป็นเธอหรือเม่ยเจี่ย พวกเธอต่างก็เป็นมือเก่ามากประสบการณ์ในพื้นที่นี้ ไม่เคยมีใครพลาดโดนจับได้แม้แต่ครั้งเดียว
เม่ยเจี่ยได้เงินจากเธอ ในขณะที่เธอสามารถทำเงินได้มหาศาลจากการขายหมูชั่งหนึ่ง
ครั้งนี้เธอได้รับกำไรสุทธิไปเกือบ 30 หยวน
มันเป็นอย่างนี้มาครึ่งเดือนแล้ว แสดงให้เห็นว่าในตลาดตอนนี้มีความต้องการเนื้อมากเพียงใด
หลินชิงเหอหยิบตะกร้าออกมาสองใบจากในมิติและเข้าไปในตลาดมืดเพื่อซื้อไข่ ความต้องการไข่ของที่บ้านช่างสูงลิ่วอย่างน่าประหลาดใจ มากเสียจนเธอต้องซื้อกลับมาทุกครั้งที่เข้ามาในอำเภอ
ส่วนของที่เหลือไม่ต้องซื้อมากนัก เธอมีเก็บอยู่ที่บ้านหมดแล้ว หลินชิงเหอจึงซื้ออุปกรณฺ์การเรียนบางอย่างและกลับบ้าน
อากาศอุ่นขึ้นในวันที่เจ็ดหรือแปดของเดือนมกราคม แต่หลังจากนั้นลมหนาวก็กลับมาอีกระลอกหนึ่ง
“เราจะทำยังไงกันดี?” คนแก่คนเฒ่าบางคนในหมู่บ้านเริ่มเป็นกังวล ตอนนี้อากาศยังเย็นอยู่เลย เกรงว่ามันจะส่งผลกระทบต่อการทำนาในปีนี้เสียแล้ว
พอถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ อากาศก็อุ่นขึ้นในที่สุด ทุกคนจึงได้ลงมือทำงาน
การเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ล่าช้ากว่าปีก่อน ๆ ไปสิบวัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ล่าช้าอีกไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นปีนี้พวกเขาคงได้เคี้ยวเปลือกไม้แทนข้าว
ปีนี้เจ้าใหญ่เข้าเรียนในชั้นปีที่สอง เมื่อโรงเรียนเปิด เขาก็เดินเข้าไปในห้องพักครูใหญ่เพื่อให้คุณครูประจำชั้นมัธยมศึกษาปีที่สองตั้งโจทย์ทดสอบ จากนั้นเขาก็สอบผ่าน
เขาสอบได้คะแนนเกิน 90 คะแนนในทุกวิชา ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรที่เขาจะเรียนในชั้นปีนี้
แต่ถึงอย่างนั้นคุณครูทั้งหลายก็ยังประหลาดใจมากอยู่ดี พวกเขาจึงถามหลินชิงเหอว่าเธอสอนลูกอย่างไรเขาถึงได้ฉลาดขนาดนี้?
หลินชิงเหอบอกว่าเด็กคนนี้ขยันเรียนหนักมาก เพื่อที่จะอยากช่วยแบ่งเบาภาระให้กับครอบครัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...