หลินชิงเหอไม่รู้เลยว่าลูกชายคนโตมีแผนจะเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อหางานทำและเก็บเงินไว้ซื้อบ้าน
หากดูตามเงื่อนไขของนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องซื้อบ้านเลย หน่วยงานที่เขาทำงานอยู่จะเป็นคนยกบ้านให้เขาเอง นอกจากนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยที่มีมาตรฐานยอดเยี่ยมอีกด้วย
เจ้าใหญ่ยังไม่ได้รับการจ้างงาน เขาจึงไม่รู้เรื่องนี้
ปีนี้หิมะตกช้ากว่าปีก่อน กว่ามันจะเริ่มตกก็เป็นปลายเดือนพฤศจิกายนแล้ว
หลินชิงเหอใช้เวลาช่วงนี้ไปกับการเรียนรู้และจดจำศัพท์และประโยคภาษาอังกฤษในตอนว่างงาน
หลังปีนี้ผ่านไป มันก็จะเป็นปี 1976 หลังอีกปีหนึ่งผ่านไป ก็จะถึงปีที่มีการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
นับดูเวลาแล้วมันก็ใกล้จะถึงแล้วในไม่ช้า
หลินชิงเหอเพิ่งมองหนังสือ ซึ่งโจวชิงไป๋ก็กลับมาพร้อมกับเจ้ารองและเจ้าสาม พ่อและลูกชายทั้งสองออกไปวิ่งมาจนใบหน้ากลายเป็นสีแดงเมื่อกลับมาถึงบ้าน
หลินชิงเหอเดินออกมาดูแล้วก็เอ่ยขึ้น “พวกคุณไม่รู้จักทาครีมบำรุงก่อนจะออกไปเหรอคะ?”
จากนั้นเธอก็หยิบครีมมาทาให้ผู้เป็นพ่อและลูกชาย เจ้ารองกับเจ้าสามคว้ากระจกและละเลงครีมบนหน้า ส่วนโจวชิงไป๋มีหลินชิงเหอเป็นคนทาให้
“แม่ คุณน้าสามเพิ่งมาหาและถามพ่อว่าจะไปล่าไก่ฟ้าหรือเปล่าน่ะครับ ผมอยากไปกับพ่อ” เจ้ารองเอ่ย
“ถ้าพี่ไปงั้นผมไปด้วย!” เจ้าสามรีบเอ่ยตาม
“นายรออยู่ที่บ้านให้เราล่าไก่ฟ้ากลับมากินก็พอ” เจ้ารองรีบแย้ง
เขากลัวว่าเจ้าสามจะพาติดร่างแหไปด้วยจนไม่ได้ไปพร้อมกับพ่อ
“ผมล่าเองได้ ผมจะต้องการพี่ทำไม?” เจ้าสามแย้ง
เจ้ารองมีท่าทางโมโห ส่วนเจ้าสามก็เมินพี่ชายและมองตรงมาที่พ่อแม่ของเขา
“พรุ่งนี้แม่จะทำจ้านโถวเปา และคงจะยุ่งมาก ทั้งคู่มาอยู่ช่วยแม่ดีกว่า” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างเคือง ๆ
“แม่ คราวที่แล้วพี่ใหญ่ยังได้ไปเลยนะครับ” เจ้ารองยกเหตุผล
“หลังจากครั้งนั้น แค่คิดถึงมันแม่ก็หวาดกลัวขึ้นมาแล้ว ลูกสองคนอยู่ที่นี่แหละ ลูกไม่อยากอยู่กับบ้านอุ่น ๆ ในวันหิมะตกแต่กลับอยากออกไปเดินท่อม ๆ ข้างนอกแบบนี้แสดงว่าว่างมากสินะ” หลินชิงเหอเอ่ย
วันต่อมาโจวชิงไป๋ก็ออกไปล่าไก่ฟ้ากับน้องชายสามตระกูลหลิน ส่วนหลินชิงเหอให้เจ้ารองกับเจ้าสามอยู่ที่บ้านเพื่อมาช่วยทำจ้านโถวเปา
ท่านแม่โจวเองก็มาช่วยทำด้วย
จ้านโถวเปาเป็นของที่กินกันตามปกติในฤดูหนาว พวกมันยังมีรสชาติอร่อยมาก เป็นของโปรดอย่างหนึ่งของครอบครัวนี้เลยทีเดียว
แล้วท่านแม่โจวก็พูดให้หลินชิงเหอฟังในเรื่องที่นางไปได้ยินมา “ที่ยุ้งฉางมีรอยโหว่เป็นรูใหญ่เลยล่ะ ไม่รู้ว่าตัวเชื้อโรคที่ทำนี่มาจากไหน”
ตอนนั้นหลินชิงเหอยังต้องไปสอนหนังสือ เธอจึงไม่รู้เรื่องนี้ พอท่านแม่โจวพูดขึ้นเธอจึงรู้สึกประหลาดใจ “มีคนแตะต้องยุ้งฉางด้วยเหรอคะ? พวกเขาอยากตายเหรอ?”
ในยุคนี้ หากมีใครกล้าแตะต้องสถานที่อย่างยุ้งฉางข้าว พวกเขาจะถูกยิงทิ้งโดยไม่ลังเล
“ใช่แล้วล่ะ แต่ตอนนี้ยังจับใครไม่ได้เลย” ท่านแม่โจวบอก
ในความคิดของนาง การกระทำแบบนี้มันเป็นการฆ่าตัวตายชัด ๆ
หลินชิงเหอย่นคิ้ว ในยุคนี้ถึงกับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอแทบจะเห็นภาพชัดเจนเลยว่าหากในอนาคตมีมาตรการผ่อนปรนแล้วมันจะวุ่นวายขนาดไหน ถึงตอนนั้นเหล่าปีศาจก็คงออกมาเริงร่าเต็มไปหมดแน่ ๆ
“ในวันหน้าหากฉันออกไปข้างนอกบ้านแล้ว คุณแม่ต้องหมั่นเข้ามาดูบ้านบ่อย ๆ นะคะ” ต่อให้พวกเขามีเฟยอิงอยู่ มันก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี
“ในหมู่บ้านเราไม่ต้องกังวลนักหรอก เรามีเพื่อนบ้านขนาบทั้งซ้ายขวา เมื่อไหร่ที่เฟยอิงเห่า พวกเขาก็ได้ยิน” ท่านแม่โจวเอ่ยปลอบ “แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็จะมาดูแลบ่อย ๆ นะ”
หลินชิงเหอพยักหน้า
โจวชิงไป๋กับน้องชายสามตระกูลหลินกลับมาในตอนเย็น พวกเขาแบกไก่ฟ้าจำนวนหนึ่งมาด้วย
น้องชายสามตระกูลหลินนำไก่ฟ้ากลับไป 2 ตัว ส่วนที่เหลือเป็นของครอบครัวของเธอ
ทุกคนในครอบครัวควรได้รับการบำรุงร่างกายสักหน่อย ฤดูหนาวปีที่แล้วท่านพ่อโจวป่วยหนัก ทำให้ปีนี้เขาทำงานรับแต้มค่าแรง 6 แต้ม
เมื่อตัดความจริงที่ว่าเขาไม่อยากหักโหมทำงานแล้ว เขาก็ไม่สามารถทำงานหนักกว่านี้ได้ต่อให้อยากทำก็ตาม เพราะตัวเขาอายุมากขึ้นแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...