หญิงสาวคุยกับบรรดาสะใภ้ทั้งหลายและแทะเมล็ดแตงไปด้วย มีแค่หนึ่งหรือสองวันในปีหนึ่ง ๆ เท่านั้นที่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้ ยิ่งกว่านั้นวันนี้ยังเป็นวันสิ้นปี เป็นวันที่ทุกคนต่างร่าเริงมีความสุข ในเมื่อทั้งครอบครัวมีทั้งอาหารและเงินทองที่หามาได้ด้วยตัวเองแล้ว พวกเขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไรล่ะ?
จะว่าไปแล้ว ครอบครัวตระกูลโจวเหมือนจะมีอิสระมากกว่าครอบครัวอื่น ๆ โดยแท้
แม้แต่สะใภ้รองเองก็รู้สึกเหนือกว่าตอนที่หล่อนเปรียบเทียบตัวเองกับสะใภ้บ้านอื่น
หลินชิงเหอกลับบ้านไปหลังจากนั่งอยู่ราว 2 ชั่วโมง
เธอรินซุปงาใส่ถ้วยกระเบื้องเคลือบและเอ่ยกับโจวชิงไป๋ “คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
“ไม่นานนักหรอก” โจวชิงไป๋ตอบ
ทั้งคู่ออกไปด้วยกัน หลินชิงเหอไปคุยกับสะใภ้ทั้งหลายพร้อมกับแทะเมล็ดแตงไปด้วย ไม่นานนักผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเธอก็มาหา พวกเขาคุยกันและพูดถึงเรื่องในครอบครัว ในขณะที่โจวชิงไป๋ไปเยี่ยมบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งที่นั่นมีคนหลายคน จนเขาเพิ่งจะได้กลับมา
ส่วนเจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสาม ยังไม่มีใครกลับมาที่บ้านเลย
“คุณดื่มสักหน่อยสิคะ” หลินชิงเหอรินซุปงาให้เขาถ้วยหนึ่งเช่นกัน
โจวชิงไป๋รับไปดื่ม
“พรุ่งนี้น้องชายกับน้องสะใภ้ของฉันจะมาหานะคะ” หลินชิงเหอบอกเขา
เธอได้ยินจากเจ้าใหญ่ว่าครั้งนี้ท่านพ่อหลินป่วย เธอจึงไม่ได้ส่งเงินไปให้แม้แต่เหมาเดียว หากเธอไม่รู้เรื่องนี้ก็ลืมไปซะเถอะ แต่ลูกชายคนโตของเธอไปเจอมาด้วยตัวเอง ดังนั้นเธอจึงตัดเนื้อออกมาชิ้นหนึ่งเพื่อทำให้เรื่องมันจบ ๆ ไป
แต่เธอกลับให้ในนามของน้องชายสามตระกูลหลินโดยที่ไม่ใช่ในนามของเธอเอง
หลินชิงเหอไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในละครพ่อลูกกับท่านพ่อหลินหรอก
เธอได้ยินสะใภ้สามตระกูลหลินบอกว่าอาการป่วยของท่านพ่อหลินรุนแรงกว่าท่านพ่อโจวเมื่อปีที่แล้ว ท่านแม่หลินรับรู้เอาตอนที่เขามีไข้สูงจนแทบระเบิดในตอนกลางดึก หลังจากนั้นทั้งบ้านก็ตกอยู่ในความวุ่นวายอลหม่าน
หลินชิงเหอไม่สนใจในเรื่องนี้ การแสดงน้ำใจบ้างนับว่าเพียงพอแล้ว
“อืม” โจวชิงไป๋ส่งเสียงรับรู้ วันพรุ่งนี้เขาจะรอเจอน้องชายสามตระกูลหลินอยู่ที่บ้านแล้วกัน
“เวลาผ่านไปอีกปีแล้วนะคะ ช่างรวดเร็วเหลือเกิน” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างรำลึก
สายตาของโจวชิงไป๋อ่อนโยนลง เขาเลื่อนมือมากุมมือเธอไว้และเอ่ยว่า “คุณยังสวยตลอดกาลเลยนะ”
หลินชิงเหอเบิกตากว้าง ไอ้หยา ชิงไป๋ของเธอรู้จักพูดจาหวานซึ้งแบบนี้ด้วยเหรอ?
โจวชิงไป๋มองดูภรรยาด้วยดวงตาเปี่ยมรอยยิ้ม หลินชิงเหอถูกรวบตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา จากนั้นทั้งคู่ก็เข้าไปเล่นซุกซนในห้อง
เจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสามกลับมาตอนสามทุ่ม
“ลงกลอนประตูแล้วไปนอนซะ” เสียงพ่อของพวกเขาดังออกมาจากในห้อง
เห็นชัดว่ามันเป็นวันของสามีภรรยาคู่นี้
เจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสามตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นพวกเขาก็ลงกลอนประตูบ้านและกลับเข้าไปในห้อง
“ยังไม่ดึกเลยนะคะ” ภายในห้อง หลินชิงเหอนอนไม่หลับ เธอทุบโจวชิงไป๋เบา ๆ
“ยังไม่ดึกหรอก” โจวชิงไป๋ตอบด้วยเสียงทุ้มพร่าเล็กน้อย
คำพูดนี้แฝงความหมายอยู่ ไม่กี่วันนี้รอบเดือนของเธอเพิ่งมา เขาจึงไม่ได้แตะต้องเธอจนถึงเมื่อวานนี้ที่มันหมดลง แต่วันนี้…
หลินชิงเหอกระแอมเสียงแห้งและเอ่ยตอบ “นี่มันปีใหม่แล้วนะคะ เราไม่ใช่หนุ่มสาวกันแล้ว ใจเย็นหน่อยค่ะ”
แต่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะใจเย็นกันแล้ว ทั้งคู่โรมรันพันตูกันตั้งแต่สามทุ่มจนถึงเที่ยงคืน แม้ระหว่างนั้นจะมีช่วงพักบ้าง แต่หลินชิงเหอก็ยังเหนื่อยล้าเสียจนไม่สามารถกระดิกนิ้วได้
“ถ้ายังเป็นแบบนี้อีก พรุ่งนี้ก็คอยดูแล้วกันค่ะว่าคุณจะปวดหลังจนเดี้ยงไหม” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างอ่อนแรง
“มันไม่ปวดหรอก” โจวชิงไป๋รู้สึกพอใจและหลับไปโดยกอดภรรยาไว้ในอ้อมแขน
หากสภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่ เขาก็คงไม่มีกำลังวังชาถึงเพียงนี้ แต่หญิงสาวให้การดูแลเขาอย่างดีมาก ทุกอย่างล้วนถูกจัดการอย่างพิถีพิถัน แค่สามรอบเท่านั้นร่างกายของเขาก็ยังทนไหว
แม้โจวชิงไป๋จะไม่เอ่ยเรื่องนี้มาก่อน แต่เขาก็รับรู้อย่างเลือนรางว่าถ้าแม่จริง ๆ ของเจ้าใหญ่อยู่ที่นี่ พ่อลูกอย่างพวกเขาจะต้องอยู่กันอย่างลำบากแน่นอน
ความจริงแล้วในตอนแรกที่เขากลับมา เขาก็เป็นกังวลอย่างไม่สิ้นสุด แต่ไม่คิดเลยว่าภรรยาของเขาจะมีจิตใจเปลี่ยนไปแล้ว
โจวชิงไป๋ไม่คิดว่ามันจะมีอะไรผิดพลาด ผู้คนอาจเรียกเขาว่าเป็นชายชั่ว แต่แท้จริงแล้วเขากับลูก ๆ ไม่ได้มีความรู้สึกรักใคร่ต่อแม่แท้ ๆ ของลูก ๆ มากนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...