หากกล่าวด้วยคำพูดของคนรุ่นหลัง ยิ่งพวกเขายากจนเพียงใด พวกเขาก็ยิ่งมีลูกมากขึ้น และเมื่อมีลูกมากขึ้น พวกเขาก็ยากจนมากขึ้น
ทุกยุคสมัยมีบรรทัดฐานของตัวเอง ในยุคนี้พวกเขาไม่มีความตระหนักรู้ถึงการเลี้ยงดูเด็กเลย
ต่อให้มีก็นับเป็นส่วนน้อยมาก
ถือว่าดีแล้วตราบใดที่เด็ก ๆ มีกินหลังจากถือกำเนิด พ่อแม่อย่างพวกเขาก็ไม่ใส่ใจอะไรมากนัก
นี่คือการที่วันปีใหม่ของปี 1976 ผ่านพ้นไป
ในวันที่สองของวันปีใหม่ พี่สาวใหญ่กับพี่สาวรองก็พาสามีและลูก ๆ มาเยี่ยม
หลังต้อนรับทั้งสองครอบครัวเสร็จ หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ก็ทำตามประเพณีประจำบ้าน พวกเขาพาเด็ก ๆ เข้าเมืองไปถ่ายรูปและดูหนัง
ปี 1976 ถูกกำหนดไว้ว่าเป็นปีที่ไม่ธรรมดา
หลาย ๆ สิ่งเกิดขึ้นในปีนี้ แม้แต่หลินชิงเหอยังไม่ค่อยได้เข้าอำเภอบ่อยนัก
เธอเองก็สั่งเจ้าใหญ่ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมบางอย่างของนักเรียนในตอนที่มีเวลาว่าง เจ้าใหญ่เห็นความกังวลของแม่จึงตอบตกลง
ปีนี้สังคมภายนอกไม่สงบสุขอย่างมาก เมื่อโจวชิงไป๋ออกไปซื้อยาฆ่าแมลง เขาก็เกือบจะมีปัญหา แต่เขาก็สามารถทนต่อการสอบสวนได้และกลับมาโดยไม่มีปัญหาใด ๆ
แต่หลินชิงเหอยังมีความหวาดกลัวอยู่ เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านรู้ว่าภายนอกมีพายุอีกลูกหนึ่ง เขาจึงไม่ได้ส่งโจวชิงไป๋ออกไปอีก
ความเคลื่อนไหวนี้คงอยู่ต่อไปจนกระทั่งถึงปลายปี มันก็ได้คลี่คลายลง
ฝ่ายผลิตของพวกเขานับว่าปลอดภัยกันดี แต่คนจำนวนมากในฝ่ายผลิตอื่นกลับไม่เป็นอันอยากทำงาน
โดยเฉพาะหลังจากที่ความเคลื่อนไหวใหญ่ได้จบลง หลังบรรดาคนไม่ดีถูกจับตัว มันก็แทบจะกลายเป็นการเฉลิมฉลอง
หลินชิงเหอไม่ได้ออกจากหมู่บ้านบ่อยนักตั้งแต่เริ่มจนจบ เธอยังคงเก็บสะสมเนื้อจากเม่ยเจี่ยอยู่ แต่ก็เก็บเนื้อพวกนั้นเข้ามิติจนหมด อย่างไรมันก็ไม่เสียอยู่แล้ว ส่วนเรื่องจะเข้าอำเภอนั้น เธอไม่มีแผนที่จะเข้าไปในปีนี้
ทุกคนที่โรงเรียนต่างถกเถียงเรื่องนี้กัน
“ไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นนะ” ครูใหญ่เอ่ยด้วยความรู้สึกหลากหลาย
หลินชิงเหอไม่รู้ว่าจะพูดออกไปอย่างไรดี แต่เป็นเฉินซานที่เอ่ยออกมา “ครูใหญ่วางใจเถอะครับ คนชั่วพวกนั้นแพ้แล้ว ในอนาคตมันจะต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน”
เขาวางแผนจะกลับไปเยี่ยมญาติที่อยู่ในเขตเทศบาลในปีนี้ ซึ่งเฉินซานชายชั่วนี้มาจากเขตเทศบาล แต่หลังจากที่มีการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยและเดินทางไปที่มณฑลอื่น
ครูคนอื่น ๆ คิดว่าเขาได้รับข่าวอะไรบางอย่างมาก็กรูกันมาถาม
เฉินซานมองดูหลินชิงเหอ
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ยอมแพ้กับหลินชิงเหอเลย
เขารู้ว่าหลินชิงเหอหยุดสายตาไว้ที่ชายชนบทอย่างโจวชิงไป๋ ซึ่งเขาไม่เข้าใจเลยว่าหญิงผู้โดดเด่นและเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองอย่างเธอไปชอบโจวชิงไป๋ชายเงียบขรึมผู้ไม่มีอนาคตได้อย่างไร?
นี่จึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงยังทดสอบหลินชิงเหออย่างต่อเนื่อง
เพียงแต่ว่าหลินชิงเหอไม่ยอมให้เขามีความหวังใด ๆ เลย
อย่างเช่นในครั้งนี้ที่เขามองมา หลินชิงเหอได้แต่เพ่งมองกระดาษในมือ ไม่สนว่าเขาจะได้ข่าวอะไรมาหรือไม่
“ครั้งนี้ที่กลับไปผมก็ได้ยินมาเหมือนกันครับ แต่ไม่ได้แพร่งพรายออกไป” เฉินซานเอ่ยอย่างชวนให้เข้าใจผิด
ทุกคนได้ยินแล้วก็มีสีหน้ายินดี
หลินชิงเหอแค่นเสียงในใจ ชายชั่วนี่ช่างมีทักษะในการปลอบคนเหมือนกันนะ
เขาพูดอะไรงั้นเหรอ? บอกได้ว่าเขาไม่ได้พูดอะไรเลย
บอกว่าในอนาคตจะดีขึ้นเรื่อย ๆ นี่ไม่ใช่คำพูดไร้สาระหรอกเหรอ? ใครจะกล้าบอกล่ะว่าในอนาคตมันจะแย่ลงเรื่อย ๆ? ขืนบอกแบบนี้ก็โดนสังหารน่ะสิ
ในปี 1976 หลินชิงเหอมีความระมัดระวังอย่างมาก ขณะที่ระวังตัวเธอก็กระตือรือร้นอย่างมากด้วย เพราะในปีหน้าคือปี 1977 ที่เธอคาดหวังอย่างสูง
และมันก็เป็นปีใหม่ที่ต่างจากเดิม
ช่วงเดือนตุลาคมในครึ่งปีหลังนี้ ทางชนบทก็ง่วนกับการเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วง หลินชิงเหอเริ่มเดินทางเข้าอำเภอเมื่อมีเวลาว่างและขายเนื้อที่เธอสะสมในปีนี้ออกไป
เธอทำกำไรได้เกือบ 300 หยวนและซื้อข้าวของเครื่องใช้บางอย่างจากเสิ่นอวี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...