ปกติแล้วหลินชิงเหอไม่ลังเลกับเรื่องนี้ เธอเชือดไก่มาตุ๋นบำรุงร่างกายให้เจ้าใหญ่และตัวเธอเองเช่นกัน
แม้จะมีการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว หลินชิงเหอก็ยังสอนหนังสือต่อ ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าเธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนกัน
แม้แต่ตอนที่หลินชิงเหอลางานเพื่อไปเป็นเพื่อนเจ้าใหญ่ในวันสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทุกคนก็ยังคิดว่าเธอแค่ไปเป็นเพื่อนเขา
เจ้าใหญ่ตัวสูงมากแล้ว แต่เขายังเป็นเด็กอายุ 13 ปีเท่านั้น
เด็กอายุ 13 ปีคนนี้สูงถึง 175 เซนติเมตรแล้ว เขาสูงเลยศีรษะของหลินชิงเหอมาครึ่งหนึ่ง
จากการบำรุงอย่างพิถีพิถันของหลินชิงเหอและการฝึกศิลปะป้องกันตัวจากโจวชิงไป๋ เขาก็เติบโตอย่างรวดเร็ว บอกว่าเขามีอายุ 17 หรือ 18 ปีก็เชื่อ
ในวันสอบเข้ามหาวิทยาลัย โจวชิงไป๋เองก็มาส่งทั้งแม่และลูกด้วย พวกเขาขี่จักรยานกันไป 2 คัน
เจ้าใหญ่ขี่จักรยานเอง ส่วนหลินชิงเหอซ้อนท้ายโจวชิงไป๋ พวกเขาเข้าไปในอำเภอเพื่อไปสอบ
หลินชิงเหอเข้าไปในห้องสอบเดียวกับเจ้าใหญ่ ขณะที่โจวชิงไป๋รออยู่ด้านนอก
หลังเข้าไปในห้องสอบแล้ว หลินชิงเหอกับเจ้าใหญ่ก็เห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตามากมาย
เฉินซานกับบัณฑิตหนุ่มสาวคนอื่น ๆ ก็เห็นหลินชิงเหอกับเจ้าใหญ่เช่นกัน
การเห็นแม่ลูกคู่นี้ทำให้พวกเขามีสีหน้าน่าเกลียดไป ไม่ใช่เรื่องเกินไปนักหากจะบอกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในครั้งนี้เหมือนกับการที่คนนับพันต้องเบียดอัดตัวอยู่บนสะพานท่อนซุงท่อนเดียว
แต่ไม่คิดเลยว่าแม่ลูกคู่นี้จะมาสอบด้วย
สำหรับแม่ลูกคู่นี้แล้ว คนหนึ่งเรียนรู้ด้วยตัวเอง อีกคนหนึ่งบอกได้ว่าเป็นที่หนึ่งของโรงเรียนมัธยมปลายประจำอำเภอ
หลินชิงเหอนั้นยังไม่เป็นไรเพราะทุกคนคิดว่าเธอเรียนรู้ด้วยตัวเองจนถึงระดับมัธยมต้นเท่านั้น บางทีเธออาจจะอยากมาเสี่ยงโชคดู แต่เจ้าใหญ่ถือว่าเป็นปรมาจารย์ด้านการเรียนรู้อย่างแท้จริง
เฉินซานเป็นฝ่ายมาทักเธอก่อน “คุณครูหลินเองก็ร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยเหรอครับ”
“ค่ะ คุณครูเฉินเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ?” หลินชิงเหอตอบ
จากนั้นเธอก็นำทางเจ้าใหญ่เข้าสนามสอบ ไม่พูดคุยกับบัณฑิตหนุ่มคนนั้นแม้แต่น้อย
ยิ่งกว่านั้นในบรรดาบัณฑิตจำนวนมากมาย มีแค่เฉินซานเท่านั้นที่ได้รับคัดเลือก เธอไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างสำหรับคนอื่น ๆ แต่จากความทรงจำของเธอแล้ว พวกเขาสอบไม่ผ่านกันหมด
หลังจากกระดาษข้อสอบถูกส่งมา หลินชิงเหอก็กวาดสายตาดูเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นเธอก็โล่งอกอย่างมาก ข้อสอบไม่ได้ยากเลย ความรู้ที่ถามครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดที่เรียนมา และจุดที่ได้คะแนนเยอะก็ต้องใช้ความจำอย่างละเอียดรอบคอบ ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะรู้หรือไม่ก็ตาม
ยิ่งกว่านั้นเธอยังทดสอบเจ้าใหญ่ในเรื่องพวกนี้แล้ว หลินชิงเหอทำได้ ดังนั้นเจ้าใหญ่ก็ทำได้
ดังนั้นหลินชิงเหอจึงรู้สึกมั่นใจอย่างมาก หลังทำข้อสอบเสร็จ เธอก็ไม่ลืมที่จะตรวจทานซ้ำอีกครั้งอย่างละเอียด แม้เธอจะเขียนเสร็จก่อนคนอื่นนานแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ส่งกระดาษคำตอบจนกว่าเวลาจะหมด
เมื่อหมดเวลา หลินชิงเหอจึงเป็นคนแรกที่ส่งกระดาษคำตอบในทันที เบื้องหลังเธอเป็นนักเรียนหลายคนที่กำลังบ่นพึมพำเบา ๆ
บางคนที่มีจิตใจอ่อนไหวพลันทรุดลงกับโต๊ะสอบและร้องไห้สะอึกสะอื้นหลังได้รับกระดาษข้อสอบแล้ว
หลินชิงเหอไปรอตรงจุดนัดพบเพื่อรอเจ้าใหญ่ หลังจากนั้นไม่นานเจ้าใหญ่ก็ออกมาพร้อมกับหานสวี้เจี๋ย
หลินชิงเหอนิ่งไป นี่มันการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนะ ทำไมเธอถึงยังเจอคน ๆ นี้อยู่อีกล่ะ?
“สวัสดีครับคุณน้า” หานสวี้เจี๋ยเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ
“สวัสดีจ้ะสวี้เจี๋ย” หลินชิงเหอยิ้ม
หลังการสอบเสร็จสิ้น หลินชิงเหอจึงให้เจ้าใหญ่เอ่ยลาเด็กคนนี้ที่มีกลิ่นอายความเป็นพระเอกผู้ผดุงความยุติธรรมอย่างแรงกล้า
หลังสอบเสร็จแล้ว ก็เป็นปกติที่จะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
หลินชิงเหอพาเจ้าใหญ่ไปซื้อของที่ต้องการเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย จากนั้นก็กลับบ้าน
“แม่ครับ แน่ใจเหรอว่าผมจะสอบผ่าน?” เจ้าใหญ่หัวเราะ
“ข้อสอบไม่ได้ยากเกินไปนักหรอก ลูกเองก็ทำในสิ่งที่แม่เคยทบทวนให้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง จะสอบผ่านก็ไม่มีปัญหา” หลินชิงเหอเอ่ยขณะนั่งซ้อนท้ายโจวชิงไป๋
“แม่ทำข้อสอบเป็นไงบ้างครับ?” เจ้าใหญ่ยิ้มกริ่ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...