ขณะรอคอยผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย หัวใจของผู้คนก็ไม่เป็นสุขเล็กน้อย
อย่างที่หลินชิงเหอรู้มา เนื่องจากในปีแรกของการฟื้นฟูศึกษาปีนี้ทุกอย่างเป็นไปอย่างรีบร้อน เงื่อนไขอะไรต่าง ๆ จึงหย่อนยาน แต่หลังจากเข้าปีที่สองแล้ว ทั้งสามีและภรรยาก็คงต้องแยกจากกันจริง ๆ
เพราะเงื่อนไขในปีที่สองข้อหนึ่งคือนักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยต้องมีสถานะโสด นักเรียนที่แต่งงานแล้วจะไม่ได้รับอนุญาตให้สอบ
นี่หมายความว่าอย่างไรล่ะ?
มันก็หมายความว่าบรรดาบัณฑิตที่อยู่ในชนบทเลือกที่จะหย่าจากครอบครัวกันน่ะสิ!
ปีนี้ผู้คนต่างหวั่นใจ ปีหน้าจะเป็นความวุ่นวายที่แท้จริง
ไม่นานนักผู้ช่วยสำนักงานการศึกษาประจำตำบลก็ประกาศแบบสอบถามเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
หลินชิงเหอกับเจ้าใหญ่รีบไปชิงมาอย่างรวดเร็ว
บรรดาบัณฑิตหนุ่มสาวทั้งหลายก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน พวกเขาได้แบบสอบถามเลือกเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้วแต่ไม่รู้จะกรอกลงไปว่าอย่างไร ในที่สุดพวกเขาจึงมาหาหลินชิงเหอ
ความต้องการของหลินชิงเหอนั้นเรียบง่ายมาก เธออยากเข้า มหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยซิงฮวา มหาวิทยาลัยฟู่ตั้น และมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง
มีแค่ 4 มหาวิทยาลัยนี้
เจ้าใหญ่กรอกตามแม่ของเขาไปตรง ๆ ย่าของเขาบอกเขาเป็นการส่วนตัวว่าเขาต้องเข้ามหาวิทยาลัยที่เดียวกับแม่ของเขา
ยิ่งกว่านั้นเจ้าใหญ่ยังคิดว่าเขาน่าจะสอบผ่าน เขาเพิ่งจบชั้นมัธยมปลายมาไม่นานและยังแน่ใจด้วยว่าทำโจทย์ส่วนใหญ่ได้หมด
ขณะที่คนอื่น ๆ เห็นแม่ลูกคู่นี้เลือกมหาวิทยาลัยกัน พวกเขาก็พากันปากสั่น ทำไมเป้าหมายของสองคนนี้มันยิ่งใหญ่ขนาดนี้?
มหาวิทยาลัยพวกนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันล่ะ?
ไม่มีทางที่พวกเขาจะเลือกตามแม่ลูกคู่นี้หรอก คนอื่น ๆ จึงตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยตามเฉินซาน
ซึ่งเฉินซานเลือกมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น
หลินชิงเหอไม่สนใจ เธอกรอกตัวเลือกและยื่นส่งให้กับคณะกรรมการการศึกษา จากนั้นก็กลับบ้านพร้อมกับเจ้าใหญ่
ผลการเลือกเข้ามหาวิทยาลัยจะถูกประกาศในอีก 1 เดือนต่อมา ซึ่งเฉินซานก็ได้รับคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยอู่ฮั่น เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเพียงคนเดียวของทั้งพื้นที่ที่ได้รับคัดเลือก
แม้ชายคนนี้อยากจะขุคคุ้ยคนอื่น แต่เขาก็ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีในแง่มุมอื่นนอกเหนือจากเรื่องชอบขุดคุ้ยคนอื่น จึงไม่มีใครในพื้นที่คอยขัดขาเขา
และเขาก็ได้รับจดหมายตอบรับเข้ามหาวิทยาลัย
คนในสิบลี้แปดหมู่บ้านต่างได้เห็นเฉินซานในแง่มุมใหม่
หลินชิงเหอยังคงสอนหนังสืออยู่ ตอนนี้ใกล้จบภาคการศึกษาแล้ว เหลือการสอนเพียงไม่กี่ชั้นเรียนเท่านั้นก่อนที่วันหยุดจะมาถึง เนื่องจากมีการฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี่เอง ทำให้การศึกษากลายเป็นเรื่องสำคัญไป
แม้แต่ในโรงเรียนมัธยมต้นประจำตำบลยังเริ่มให้ทุนการศึกษาในทันที ตราบใดที่มีคนได้ผลการเรียนดีในการสอบเข้าร่วมกับตำบลอื่น พวกเขาก็จะได้รับทุนการศึกษาไป
เป้าหมายนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้เด็ก ๆ รักการเรียนรู้
หลังการสอนในวันนั้น เฉินซานก็มาหาหลินชิงเหอ
“พรุ่งนี้ผมจะไปแล้วนะครับ” เฉินซานมองหลินชิงเหอก่อนเอ่ยออกมา
หลินชิงเหอกลอกตา “ยินดีกับคุณครูเฉินด้วยนะคะ ในฐานะครูแล้วฉันก็อยากจะแนะนำให้คุณใจดีกับคนอื่น เป็นครูที่ดี สร้างประโยชน์ให้กับสังคม และอย่าเป็นกากเดนสังคมนะคะ”
หลินชิงเหออยากให้เฉินซานจากไปเร็ว ๆ หลังจากกันแล้วพวกเขาจะได้ไม่ต้องเห็นหน้ากันอีกเลยในชาตินี้ หมายความว่าทุกอย่างจะจบสิ้นที่นี่
“คุณครูหลินเองก็รู้ความคิดของผมที่มีต่อคุณนี่ครับ หลายปีมานี้ผมไม่เปลี่ยนใจหรอก ตอนนี้ผมได้รับคัดเลือกแล้ว คุณก็มากับผมได้ คุณครูหลินทิ้งชีวิตชนบทไปอยู่กับผมในเมืองเถอะครับ” เฉินซานมองเธอและเอ่ยออกมา
บางทีอาจเป็นเพราะได้รับการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จึงทำให้เฉินซานใจกล้ามากขึ้นเล็กน้อย ความปรารถนาในตัวหลินชิงเหอฉายออกมาจากดวงตาอย่างปิดไม่มิด
“ผมจะเตะคนชั่วอย่างคุณให้ตายเลย!” เจ้ารองที่เรียนอยู่ชั้นปีที่สองโผล่มาจากไหนก็ไม่อาจทราบได้ เขาเหวี่ยงขาเตะเฉินซานออกไป
อย่าประมาทเจ้ารองที่อายุเพียง 11 ขวบในปีนี้เชียว เขาเตี้ยกว่าเฉินซานเล็กน้อย ซึ่งเฉินซานสูงราว 173 ถึง 174 เซนติเมตร ขณะที่เจ้ารองสูง 165 เซนติเมตรเท่ากับหลินชิงเหอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...