ไม่ใช่แค่เหล่าบัณฑิตในหมู่บ้านโจวเจี่ยเรียกร้องขอหย่า ในฝ่ายผลิตอื่น ๆ ก็เป็นเหมือนกัน
ต้องบอกว่าปัญหานี้เกิดขึ้นเป็นไฟลามทุ่ง แต่ถึงอย่างนั้นตระกูลโจวก็ไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไร
ท่านแม่โจวรู้สึกอารมณ์ปั่นป่วนขึ้นมาเล็กน้อย ขอบคุณที่สะใภ้สี่เป็นคนเด็ดขาดพอ ไม่อย่างนั้นหากเจอกับปัญหาตอนนี้แล้ว พวกเขาจะแบกหน้าไปคิดบัญชีกับใคร?
ความตั้งใจของเหล่าบัณฑิตไม่อาจสั่นคลอนได้ แม้แต่ลูกเขยคนหนึ่งของหัวหน้าหมู่บ้านก็ขอหย่าจากภรรยา
แต่เขาสัญญาว่าหากสอบผ่านแล้ว เขาจะกลับมารับภรรยากับลูก ๆ ไปอยู่ด้วยกัน
ใครจะรู้ว่าคำสัญญานี้จะเป็นจริงหรือไม่
หลินชิงเหอกับเจ้าใหญ่ได้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่งในปี 1978
เธอบอกให้เจ้าใหญ่เรียนตามหลักสูตรปัจจุบัน แต่ตัวเธอเองกลับมีแผนของตัวเอง
ถ้านับตามมหาวิทยาลัยตอนนี้ เธอจะจบการศึกษาภายใน 4 ปี บางสาขาวิชาอาจใช้เวลาถึง 5 หรือ 6 ปี ซึ่งหลินชิงเหอไม่อยากเสียเวลามากขนาดนั้น
ต่อให้เธอเรียนตามหลักสูตร มันก็คงจะไม่ล่าช้าเกินไปนัก แต่หลินชิงเหออยากหาเงินแล้ว
การปฏิรูปและการผ่อนปรนต่าง ๆ จะเริ่มขึ้นในปีนี้ ทุกปีนับจากนี้ไปก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง
หลินชิงเหอจึงทุ่มเทกับการเรียน
เธออยู่ในภาควิชาภาษาต่างประเทศ เดิมทีเจ้าใหญ่เองก็อยากเรียนภาษาต่างประเทศเหมือนกับแม่ แต่หลินชิงเหอปฎิเสธเพราะเห็นว่าเจ้าใหญ่ถนัดภูมิศาสตร์มากกว่า
หลินชิงเหอจึงให้เขาเรียนในภาควิชาภูมิศาสตร์ และสอนภาษาอังกฤษให้เขา
หลังเจ้าใหญ่เรียนรู้ส่วนของเขาแล้ว เขาก็จะมาหาแม่ที่ชั้นเรียนเพื่อให้รู้สึกอุ่นใจ
นักศึกษาอายุน้อยอย่างเจ้าใหญ่นับว่าหายาก แม้แต่ในสถานที่อย่างมหาวิทยาลัยปักกิ่ง นอกจากนี้เขายังเรียนเก่ง พูดจาฉะฉาน เข้าสังคมเก่ง และหน้าตาหล่อเหลา ทำให้อาจารย์และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยปักกิ่งชอบเขามาก
และพวกเขาก็รู้ด้วยว่าหลินชิงเหอที่พูดภาษาต่างประเทศได้คล่องแคล่วเป็นแม่ของเขา
ทั้งสองแม่ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ ต้องบอกว่าเป็นตำนานของมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว
หลินชิงเหอเตือนเจ้าใหญ่ว่าอย่าหักโหมเรียนเกินไปนักและไปเล่นบาสเกตบอลหรือออกกำลังกายทุกวัน ส่วนตัวเธอเองก็ขลุกอยู่ในห้องสมุดตอนที่มีเวลาว่าง
บางครั้งเธอก็จะไปนั่งที่นี่ทั้งวัน ความตั้งใจเรียนทำให้บรรณารักษ์ชราในห้องสมุดมองเธออย่างชื่นชม
วันนั้นเองหลินชิงเหอเข้าห้องสมุดสายจนเกือบจะไม่มีที่นั่ง
เธอไม่ใช่คนเดียวที่ตั้งใจเรียน นักศึกษาคนอื่น ๆ ก็ขยันหนักมากเหมือนกัน ทุกคนต่างพยายามเรียนอย่างหนักเท่าที่จะเรียนได้
บรรณารักษ์ชราที่ดูแลห้องสมุดจึงให้ที่นั่งกับเธอ “สหายร่วมชั้นคนนี้มานั่งตรงนี้เถอะ ยังมีที่ว่างอยู่”
หลินชิงเหอจึงเดินไปนั่งและเอ่ยขอบคุณเขา
“ผมได้ยินมาว่าคุณไม่เคยไปเรียนในโรงเรียนมาก่อน แค่เข้าเรียนวิชาวรรณกรรมไม่กี่วัน จากนั้นก็เรียนรู้เนื้อหาส่วนที่เหลือด้วยตัวเองอย่างนั้นเหรอครับ?” บรรณารักษ์ชราถาม
“ตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันอยากเรียนหนังสือมาก แต่พ่อแม่ไม่ให้เรียน หลังจากนั้นฉันก็โชคดีได้เจอสามีของฉัน ก่อนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บและยังไม่ลาออกจากกองทัพ ฉันก็ได้เงินเดือนจากเขา เลยขี้เกียจและไม่ทำงาน ฉันเก็บตัวอยู่ที่บ้าน เลี้ยงดูลูก ๆ และเรียนหนังสือไปด้วยน่ะค่ะ”หลินชิงเหอตอบ
เธอไม่ได้เป็นคนบอกเรื่องนี้เอง ต้องเป็นเจ้าใหญ่เด็กตัวเหม็นคนนั้นแน่ที่พล่ามเรื่องนี้
เขาอยากให้คนรู้กันทั่วว่าเธอเป็นแม่ของเขาและยังมีสามีและลูกชายที่สองอยู่ที่บ้าน
หลินชิงเหอจึงปล่อยให้เขากระทำตามใจ เธอโดดเด่นเกินไปจริง ๆ ไม่นานนักหลังเริ่มการเรียนการสอนก็มีคนบางคนส่งจดหมายสารภาพรักให้เธอแล้ว
เมื่อเด็กชายเห็นเข้า เขาก็รีบเรียนเรียงความ ‘แม่ของผม’ อันทรงพลังด้วยความยาว 3,000 ตัวอักษรแปะลงบนป้ายประกาศข่าวในทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งอาจารย์กับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยจึงได้รู้กันทั่ว
“เขาตัวใหญ่ขนาดนี้ได้แสดงว่าเขาต้องกินเยอะสินะจ๊ะ” หวังลี่ยิ้ม
“ใช่แล้วล่ะ เขากินหมั่นโถวได้ถึง 5 ลูกในหนึ่งมื้อเลยทีเดียว กินมากกว่าพ่อของเขาอีก เงินเดือนกับแต้มค่าแรงเสริมที่ได้มาจากการสอนในตำบลของฉันถูกใช้หมดไปกับเรื่องนี้เลยล่ะ” หลินชิงเหอตอบ
นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไมหวังลี่ถึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลินชิงเหอ หล่อนเองก็เคยสอนหนังสืออยู่ในชนบทเหมือนกัน หล่อนมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลินชิงเหอ แต่ลูกของหล่อนยังเล็กนัก ประมาณ 4 หรือ 5 ขวบได้ ซึ่งเป็นวัยที่กำลังซนมากที่สุด
“ในช่วงวันหยุดปีนี้ ฉันต้องกลับไปหาลูกหน่อยล่ะจ้ะ” หวังลี่เอ่ย
“เธอควรกลับไปนะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
หวังลี่เป็นคนนิสัยดี ต่อให้หล่อนเป็นบัณฑิตจากชนบท หล่อนก็ไม่เคยรังเกียจสามีเลยสักนิด หลังมาถึงที่นี่แล้วหล่อนก็คิดถึงลูกชายอย่างมาก จึงเป็นเหตุผลที่หลินชิงเหอพูดคุยกับหล่อน
พอกลับมาถึงหอพักก็พบว่ามีคนอื่น ๆ อยู่ที่นั่นแล้ว
“ใครเอาสบู่ของฉันไปใช้น่ะ?” หวังลี่ย่นคิ้วเมื่อกลับมาถึงหอพัก
สบู่ยังเปียกชื้น แสดงว่ามีคนเพิ่งใช้ไป
“แค่ยืมใช้นิดหน่อยเอง จำเป็นต้องถามกันด้วยเหรอจ๊ะ?” คนพูดคือเฉินเสวี่ย หล่อนชอบแต่งตัวและเป็นบัณฑิตที่มาอยู่ในชนบทเหมือนกัน ดูจากท่าทางแล้วเหมือนหล่อนจะยังไม่ได้แต่งงานด้วย
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจ้าใหญ่แสบจริง ๆ ค่ะ ประกาศตัวโต ๆ เลยว่านี่แม่ของผม ๕๕๕
ชีวิตชาวหอพักของหลินชิงเหอเริ่มขึ้นแล้วค่ะ ดุเดือดขนาดไหนติดตามกันต่อไป
ไหหม่า(海馬)
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...