ไม่ใช่เพราะหลินชิงเหอไม่อยากให้คนอื่นได้ลืมตาอ้าปาก แต่คนอื่น ๆ ไม่ได้มีเงื่อนไขชีวิตเหมือนกับโจวเสี่ยวเม่ย
ตอนนี้โจวเสี่ยวเม่ยมีเงินเดือน 30 หยวน ซูต้าหลินมีเงินเดือนเกือบ 50 หยวน เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการแล้ว
เงินเดือนของทั้งคู่นับว่าสูงมาก
ดังนั้นหากทั้งคู่เก็บเงินได้มากขนาดนี้ แล้วคนอื่น ๆ จะว่าอย่างไรล่ะ? ต่อให้เธอพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์
“ฉันจะฟังพี่สะใภ้สี่ค่ะ” โจวเสี่ยวเม่ยเอ่ยในทันที
แน่นอนว่าหล่อนต้องการฟังพี่สะใภ้สี่
ก่อนหน้านี้ที่หล่อนสามารถทำงานในโรงงานปัจจุบันได้ ไม่ใช่เพราะหล่อนเชื่อฟังพี่สะใภ้สี่ให้จ่ายกระป๋องดีบุกใต้โต๊ะผู้อำนวยการหรอกเหรอ
เมื่อถึงเวลาแต่งงาน ไม่ใช่ว่าเธอเขี่ยชายคนแรกกระเด็นและเลือกซูต้าหลินแทนงั้นหรือ?
ชายคนแรกนับว่าเป็นตัวเลือกที่แย่ เพื่อนร่วมงานของหล่อนได้แต่งงานกับเขาและมีชีวิตที่ย่ำแย่ พวกเขาทะเลาะกันตลอด ช่างย่ำแย่จริง ๆ
จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังอยู่ด้วยกันอย่างแออัด
โจวเสี่ยวเม่ยไม่อยากนึกเลยว่าถ้าหล่อนเลือกแต่งงานกับชายคนแรก ในตอนนี้หล่อนจะมีชีวิตเป็นอย่างไร
โชคดีที่หล่อนเชื่อฟังพี่สะใภ้สี่และแต่งงานกับซูต้าหลิน เขาอาจจะติดอ่างไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
โจวเสี่ยวเม่ยรู้สึกว่าชีวิตของหล่อนช่างโชคดีเหลือเกิน
ทุกอย่างนี้เป็นเพราะหล่อนเชื่อฟังพี่สะใภ้สี่ ดังนั้นเมื่อพี่สะใภ้สี่บอกให้หล่อนเก็บเงิน หล่อนก็จะเก็บเงิน
ในหนึ่งเดือนหล่อนเก็บเงินได้ 50 หยวน ครอบครัวของหล่อนอยู่ดีกินดีด้วยการใช้จ่ายเพียง 30 หยวนต่อเดือนเท่านั้น
เงิน 50 หยวนต่อเดือน 600 หยวนต่อปี นับว่าไม่ใช่เงินน้อย ๆ
หลินชิงเหอพยักหน้าและไม่เอ่ยอะไรมาก เพราะยังไม่มีบ้านจัดสรรจนกว่าจะถึงปี 1990 ยังมีเวลาอีกนาน
ส่วนบ้านเดี่ยวนั้นโจวเสี่ยวเม่ยซื้อไม่ไหวแน่ ต่อให้ทั้งคู่มีเงินเดือนสูงขนาดนั้น ราคาบ้านเดี่ยวในปี 1980 ก็เป็นหมื่น ๆ หยวนแล้ว
พวกเขาจะซื้อได้อย่างไรหากไม่มีรายได้เสริมจากทางอื่น? แต่ถ้าพวกเขาเก็บเงินเพื่อซื้อบ้านจัดสรรสักหลังในปี 1990 มันก็ยังเป็นไปได้
โจวเสี่ยวเม่ยนำคำแนะนำของหลินชิงเหอไปบอกซูต้าหลิน
ซึ่งซูต้าหลินก็เห็นด้วย
เขาเชื่อในตัวหลินชิงเหอพี่สะใภ้สี่คนนี้ ในตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงราศีแห่งนักศึกษามหาวิทยาลัยมากนัก จัดว่าเป็นป้ายทองคำเลยทีเดียว
โดยเฉพาะหลินชิงเหอที่ร่ำเรียนด้วยตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเธอจะฉลาดขนาดไหน
ลูกชายที่เป็นนักเรียนมัธยมปลายใหม่คนล่าสุดยังสู้เธอไม่ได้? แล้วเธอจะพูดผิดได้อย่างไร?
“ครอบครัวของเรา…คิดจะ…ต่อไฟฟ้า…เข้ากับ…ทีวี…”
ก่อนที่ซูต้าหลินจะพูดจบ โจวเสี่ยวเม่ยก็รู้ว่าเขาจะพูดอะไร หล่อนตอบทันควัน “ไม่ซื้อค่ะ ให้ลูกเราหยิบหวานเย็นไปดูทีวีที่บ้านข้าง ๆ เราสิคะ”
โจวเสี่ยวเม่ยบอกได้ว่าในอนาคตพี่สะใภ้สี่อยากอยู่ในเมืองหลวง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หล่อนก็รู้สึกตื่นเต้น
หล่อนเองก็อยากไปอยู่ปักกิ่งเหมือนกัน
แต่การได้ไปช่างไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะเวลาที่มันต้องใช้เงิน พวกเขาจึงต้องเก็บเงินอย่างต่อเนื่องกันก่อน
ส่วนทีวีนั้น หล่อนไม่คิดที่จะซื้อมันหรอก
หลินชิงเหอมองรายได้ของครอบครัวแล้ว เมื่อนับทุนการศึกษาที่ได้ในครั้งนี้และเงินที่เก็บสะสมมาได้ในหลายปี เธอก็ยังมีเงินจำนวน 5,500 หยวนอยู่ในกระเป๋า
เธอทิ้งเงิน 500 หยวนไว้ให้ครอบครัว ส่วนเงินอีก 500 หยวนนั้นให้ไว้กับโจวชิงไป๋
“คุณเอาไปใช้นะคะ ไม่ต้องเก็บไป คุณก็รู้ว่าบ้านเรามีเงินเยอะขนาดไหน เข้าใจไหมคะ?” หลินชิงเหอให้เงินกับโจวชิงไป๋ และเธอยังให้คูปองบางส่วนกับเขาขณะออกคำสั่งอีกด้วย
โจวชิงไป๋มองหน้าเธอ “ผมจะไปส่งคุณที่นั่นนะ”
“ตกลงค่ะ” หลินชิงเหอตอบ
ช่วยไม่ได้ ทันทีที่โจวชิงไป๋กลับไปแล้ว ใครจะรู้ว่าพวกเขาต้องรอนานเท่าไหร่ จึงเป็นเรื่องดีที่จะคั้นเขาจนแห้งในครั้งนี้
เมื่อครั้งหน้ามาถึง เขาก็คงจะมีพลังงานเต็มเปี่ยมอีกครั้ง
โจวชิงไป๋คิดถึงเธอเหมือนกัน เขาจึงดื่มด่ำไปกับเรื่องนี้ครู่หนึ่ง เมื่อเขากลับไปแล้ว เขาก็แสดงท่าทางห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรง
ทุกคนในหมู่บ้านต่างลงความเห็นโดยอัตโนมัติว่า เป็นเพราะภรรยาของเขาเข้ามหาวิทยาลัย สำหรับเรื่องนี้
หลังจากนั้นในหมู่บ้านก็เหลือแค่เขากับลูกชาย 2 คน ลูกชายคนโตกับภรรยาต่างเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้ว เขาจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?
จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะมีท่าทางห่อเหี่ยวแบบนั้น
สิ่งที่พวกเขาไม่เคยคิดเลยก็คือ โจวชิงไป๋ชายผู้จริงจังมีอาการป้อแป้ถึงขนาดนี้เป็นเพราะเขาดื่มด่ำกับความสุขมากเกินไปจนไม่เป็นอันกินบนรถไฟ
ขณะเดียวกัน เงื่อนไขการสอบเข้ามหาวิทยาลับครั้งที่สองก็ถูกประกาศ
หมู่บ้านโจวเจี่ยถึงกับวุ่นวายไปทั้งหมู่บ้าน
“หรือเป็นเพราะคุณครูหลินได้ยินข่าวนี้มานานมากแล้ว หล่อนก็เลยไม่อยากจะสอนกัน?” บางครอบครัวที่มีบัณฑิตหนุ่มสาวเป็นเขยหรือสะใภ้ที่ยืนกรานว่าจะขอหย่าก็นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เกิดกับหลินชิงเหอได้
คนอื่น ๆ ต่างได้สติทีละคน จากนั้นพวกเขาก็เริ่มออกปากสรรเสริญคุณครูหลินที่เห็นแก่คนในหมู่บ้าน
ตระกูลโจวไม่ได้ให้ความเห็นอะไรกับเรื่องนี้ พวกเขามีแนวคิดเป็นกลาง
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แปลตอนนี้ไปก็หน้าร้อนนิดหน่อย เอ่อ กลางหอพักมหาวิทยาลัยก็จัดเหรอคะคุณแม่
ผลดีที่แม่ไม่สอนคนพวกนั้นออกมาแล้วค่ะ ไม่งั้นตระกูลโจวโดนด่าแน่
ไหหม่า(海馬)
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...