ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 239

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 239 ชายคนหนึ่งและภรรยาของเขา
บทที่ 239 ชายคนหนึ่งและภรรยาของเขา
โดย
EnjoyBook
บทที่ 239 ชายคนหนึ่งและภรรยาของเขา

บอกตามตรงว่าท่านแม่โจวรู้สึกขอบคุณเธอมากนับตั้งแต่เกิดเรื่องที่บัณฑิตทั้งหลายสอบเข้ามหาวิทยาลัยและหย่าขาดจากครอบครัว

โชคดีที่สะใภ้สี่ไม่ใช่บัณฑิตพวกนั้น และไม่ได้มีครอบครัวทางแม่อยู่ในเมือง

ในอดีตท่านแม่โจวคิดจะมองหาบัณฑิตสาวให้โจวชิงไป๋ เป็นบัณฑิตมากความรู้ที่มาอยู่ในชนบท แต่เมื่อถึงตอนนั้นนางกลับหาคนที่เหมาะสมไม่ได้

จากนั้นพวกเขาก็เจอกับหลินชิงเหอ

สถานการณ์ในหมู่บ้านตอนนี้ทำให้ท่านแม่โจวรู้สึกหวาดกลัว

หากแนะนำบัณฑิตสาวคนเมืองให้โจวชิงไป๋ไปในตอนนั้นแล้ว ตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?

ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนบางคนที่คอยกระซิบเป่าหูอยู่ตลอด

พวกเขาบอกว่าสะใภ้สี่มีชีวิตที่เจริญก้าวหน้าแล้ว ใครจะรู้ล่ะว่าเธอจะปันใจให้คนอื่นหรือเปล่า ในตอนแรกท่านแม่โจวก็เป็นกังวล แต่เป็นเพราะลูกชายคนโตกับแม่ของเขาอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน มันจึงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้น

แต่ลึกลงไปแล้ว ท่านแม่โจวก็ยังคงกังวลอยู่

ตอนนี้สะใภ้สี่โดดเด่นอย่างมากแล้ว

ต่อให้เธอแยกจากลูกชายคนเล็กของนาง นางก็รู้ว่ามันมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างลูกชายคนเล็กของนางกับภรรยาอยู่

เป็นความเหลื่อมล้ำสถานะทางสังคมโดยแท้

และแน่นอนว่าหลินชิงเหอรับรู้ถึงความเมตตาของท่านแม่โจวผู้เป็นแม่สามี

เมื่อเห็นท่านแม่โจวทำซุปไข่ลวกและเติมน้ำตาลกับของอื่น ๆ ลงไป หลินชิงเหอก็รู้สึกอายเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รับไว้และเอ่ยขึ้น “คุณแม่ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ ฉันมาถึงอำเภอเมื่อวานนี้แล้วค้างคืนอยู่กับเสี่ยวเม่ยก่อนจะกลับมา แล้วเช้านี้ก็กินอาหารเช้าไปแล้ว” หลินชิงเหอบอก

“ตลอดทางที่กลับมาเธอต้องเหนื่อยมากแน่ ๆ ต้องบำรุงร่างกายสักหน่อยนะ ฉันจะเชือดไก่มาทำอาหารให้เธอเอง” ท่านแม่โจวตอบ

จากนั้นนางก็เดินไปที่สวนหลังบ้านเพื่อจับไก่ หลินชิงเหอไม่อาจห้ามนางได้เลย แต่เมื่อเห็นไก่ฝูงหนึ่งอยู่ในสวนหลังบ้าน เธอก็ถามขึ้นมา “ตอนนี้ไม่จำกัดจำนวนเลี้ยงแล้วเหรอคะ?”

“ใช่แล้วล่ะ ตราบใดที่เธอไม่เที่ยวไปพูดเรื่องนี้ก็ไม่มีใครสนใจว่าเธอจะเลี้ยงเยอะขนาดไหนหรอก” ท่านแม่โจวตอบ จากนั้นนางก็นึกถึงหลานชายคนโตได้ “จริงสิ เจ้าใหญ่อยู่ที่ไหนล่ะ?”

“เด็กคนนั้นเจอเพื่อนที่เมืองหลวงน่ะค่ะ ทั้งคู่เป็นเด็กปี 1 ที่อายุรุ่นเดียวกัน พวกเขาเลยเข้ากันได้ดี เขาบอกว่าปีนี้จะไม่กลับมา ฉันก็เลยให้เงินเขาไปและปล่อยให้เขาใช้ชีวิตเอง” หลินชิงเหอตอบ

อย่าประมาทเจ้าใหญ่ที่มีอายุ 14 ปีเชียว ด้วยความสูง ความสามารถ และสติปัญญาของเขาแล้ว คนหนุ่มสองหรือสามคนอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย

หลินชิงเหอไม่มีอะไรต้องกังวลในเรื่องนี้

“เด็กคนนั้นนี่ ไม่รู้จักกลับมาหาคุณปู่คุณย่าบ้างเหรอไง?” ท่านแม่โจวเอ่ย

“ฉันเอาของมาฝากคุณแม่กับคุณพ่อด้วยนะคะ เขาเป็นคนเลือกของพวกนี้มาก และกำชับฉันว่าอย่าให้คนอื่น ต้องให้พวกคุณสองคนเท่านั้นด้วย” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

มันคือของฝากแปดอย่างของเมืองหลวงและเป็ดปักกิ่ง

หลินชิงเหอนำไปเก็บไว้ในมิติ หากไม่ทำแบบนี้มันก็ลำบากที่จะถือมาด้วย

นี่เป็นของชิ้นสุดท้าย หากมีใครรับไปแล้ว พวกเขาก็จะได้ชิ้นนี้ไปชิ้นเดียว นี่เป็นเหตุที่ว่าทำไมหลินชิงเหอถึงเหลือไว้ชิ้นเดียว

ท่านแม่โจวยิ้มกว้างและสนทนากับหลินชิงเหอเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนี้

หลินชิงเหอทำเพียงรับฟัง ส่วนเรื่องระบบการรับผิดชอบงานที่จะดำเนินการในปีนี้เธอไม่ขอเอ่ยอะไร พวกเขาคงรู้ตอนที่ประกาศออกมาแล้ว

แต่เธอได้คุยเรื่องนี้กับโจวชิงไป๋แล้วว่าอย่าใส่ใจเยอะนัก เพราะมันจะเกิดขึ้นเพียง 2 หรือ 3 ปี หลังจาก 2 หรือ 3 ปีนี้เธอก็จะย้ายครอบครัวเข้าไปในเมืองหลวง

โจวชิงไป๋ที่อยู่ในทุ่งนาได้ข่าวว่าภรรยากลับมาแล้ว เขาก็รู้สึกร้อนใจจนแทบจะโยนงานทิ้งและกลับบ้าน

แต่เขาข่มใจไว้และทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทุกคนต่างมองด้วยความสงสัย ว่ากันว่าสามีภรรยาคู่นี้รักกันจริงจังยิ่งกว่าทองไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกอะไรเลย?

ในอดีต ไม่ใช่ว่าในหมู่บ้านกล่าวกันว่าหลินชิงเหอช่างโชคดีที่มีสามีดีอย่างโจวชิงไป๋หรอกเหรอ?

นับตั้งแต่ที่หลินชิงเหอเป็นครูประจำตำบล ทุกคนก็เริ่มพูดกันว่าโจวชิงไป๋ช่างโชคดีที่ได้แต่งงานกับภรรยาแบบนี้

และตอนนี้ทุกคนก็ทำได้เพียงอิจฉาริษยา

โจวชิงไป๋ยังคงทำงานจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน ซึ่งไม่มีใครตามเขาทันเลยในตอนที่เลิกงานแล้ว

เขาไม่แม้แต่จะรอท่านพ่อโจวด้วยซ้ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม