หลังหลินชิงเหอกลับไป โจวชิงไป๋ก็ทำงานต่อ แต่เขาดูมีพลังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนหลินชิงเหอนั้นเตรียมทำอาหารแสนอร่อยในทันทีที่กลับถึงบ้าน
อาหารกลางวันเป็นบะหมี่ไก่ ส่วนมื้อเย็นเธอกะว่าจะทำเหลียงผี เพราะชิงไป๋ชอบกิน
ในตอนที่หลินชิงเหอทำเหลียงผีนั้นท่านแม่โจวก็เรียนรู้อยู่ข้าง ๆ หลินชิงเหอจึงเอ่ยโน้มน้าว ”คุณแม่อย่าคิดว่าเป็นปัญหาเลยค่ะ คุณพ่อกับชิงไป๋ทำงานอยู่ในทุ่งนา หากพวกเขาไม่ได้กินอาหารดี ๆ มันก็จะส่งผลต่อกระดูกและเลือดของพวกเขา พวกเขาจะมีชีวิตได้ไม่ยืนยาว ในอนาคตประเทศของเรากำลังพัฒนาดีขึ้นเรื่อย ๆ ฉันอยากย้ายไปเมืองหลวงเพื่อเจริญก้าวหน้า ถึงตอนนั้นฉันก็อยากจะพาคุณแม่กับคุณพ่อไปใช้ชีวิตที่นั่นด้วยนะคะ”
“หือ?” ท่านแม่โจวอึ้งไป “เธออยากพาฉันกับคุณพ่อไปเมืองหลวงด้วยเหรอ?”
“ถ้าในอนาคตมีการพัฒนาดีขึ้นเราก็จะไปค่ะ ย้ายทั้งครอบครัวไปอยู่ที่นั่น แต่ตอนนี้อะไร ๆ ยังไม่ลงตัว ดังนั้นคุณแม่อย่าประหยัดเกินไปนะคะ ถ้าคุณประหยัดเกินไป สุขภาพก็จะไม่ดี จากนั้นอนาคตก็ต้องเข้าโรงพยาบาลและเสียค่ารักษา คุณแม่ใช้เงินไปกับการดูแลสุขภาพให้ดี ๆ เถอะค่ะ”หลินชิงเหอเอ่ยต่อ
“แต่คุณพ่อกับฉันทีทะเบียนบ้านอยู่ที่นี่นะ เราจะย้ายไปที่นั่นได้ยังไง?” ท่านแม่โจวเอ่ยอย่างอดไม่ได้
“คุณแม่อย่าไปพูดเรื่องนี้ข้างนอกนะคะ” หลินชิงเหอกระซิบ
ท่านแม่โจวพยักหน้าทันที จากนั้นหลินชิงเหอก็บอกนางว่าในอนาคตจะพัฒนาไปอย่างไรบ้าง
“ฉันไม่คิดที่จะกลับมาอยู่ที่นี่แล้วค่ะ ฉันวางแผนว่าจะพาเด็ก ๆ ทั้งหมดไปด้วย ตอนนั้นชิงไป๋คงมาอยู่กับฉันแล้ว และถึงตอนนั้นฉันก็วางแผนพาคุณพ่อคุณแม่ไปอยู่ด้วย” หลินชิงเหอเอ่ย
“ถึงตอนนั้นเราค่อยว่ากัน ไว้ค่อยว่ากันนะ” ท่านแม่โจวเอ่ยซ้ำ
หลินชิงเหอพยักหน้าและไม่ว่าอะไร นอกจากเหลียงผีแล้ว เธอก็ทำถั่วพุ่มหั่นเต๋าผัดไข่และผัดหมูบางส่วน
สิ่งเหล่านี้เอาไว้กินเคียงกับเหลียงผี
เหนืออื่นใดนั้นก็มีซุปปลาที่ใช้เนื้อปลาหลีที่โจวต้งนำมาให้
หลินชิงเหอเปลี่ยนหัวปลาให้เป็นซุปหัวปลาใส่เต้าหู้ ส่วนเนื้อนั้นเธอปรุงเป็นอาหารจานเคียงกับเหลียงผี
อาหารเย็นในคืนนี้ช่างเลิศรสอย่างหาใดเปรียบ
และยังไม่จบแค่นั้น
หลินชิงเหอรู้ว่าคืนนี้ชิงไป๋ต้องวุ่นวายกับเธอแน่นอน แค่ก ๆ ขอโทษที่ต้องบอกความจริงอันน่าอาย แต่เธอคิดถึงเขามาก
เธอจึงใช้โอกาสที่ท่านแม่โจวง่วนอยู่ที่สวนหลังบ้านทำเกี๊ยวไส้หมูกับกุยช่าย หลังจากทำเสร็จแล้วเธอก็นำใส่ชามเก็บไว้ในมิติ
นี่เป็นอาหารว่างมื้อดึกของโจวชิงไป๋
ส่วนเป็ดปักกิ่งที่เธอนำกลับมาก็ได้สลายหายไปเป็นของว่างของทุกคนตอนที่กินบะหมี่น้ำไก่กันแล้ว
ในตอนนี้ผู้คนกินจุกันมาก ต่อให้มีเป็ดย่างปริมาณมากขนาดนี้มันก็ต้านปากของคนจำนวนมากไม่อยู่
แค่แต่ละคนได้กินกันหนึ่งชิ้นมันก็หายไปแล้ว พวกเขาเคี้ยวกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
เจ้ารองเองก็รู้สึกอิจฉาอย่างมากเช่นกัน เขาจำได้ว่าเมืองหลวงมีอาหารอร่อย ๆ อยู่มาก หลินชิงเหอจึงบอกให้เขาสอบเข้าให้ได้หากมีความสามารถ
ตอนนี้ควรเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน แต่เนื่องจากปีที่แล้วเพิ่งมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย จึงเพิ่งเริ่มการเรียนการสอนในตอนนี้ โดยเฉพาะหลังจากที่ก่อกำเนิดนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่ง 2 คน หลินชิงเหอกับโจวข่าย ผู้นำเกียรติยศมาสู่หมู่บ้าน
ดังนั้นปีนี้จึงไม่มีปิดเทอมภาคฤดูร้อน ทั้งโรงเรียนประถมกับโรงเรียนมัธยมต้นมีการเรียนการสอนเพิ่มเติมแทน
เมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้านในตอนเย็น อาหารเย็นอันอุดมสมบูรณ์ก็มาวางบนโต๊ะแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงโจวชิงไป๋กับลูกชายทั้งสองเลย แม้แต่ท่านพ่อโจวก็มีท่าทางกะปรี้กะเปร่าเร็วกว่าเดิม
มันเทียบกันไม่ได้จริง ๆ ทันทีที่สะใภ้สี่กลับมา อาหารที่บ้านก็ดีเลิศจนไม่อาจสรรหาคำใดมาชมได้พอ ใครล่ะจะไม่อยากกินอาหารอร่อย ๆ?
“แกงนี้ฉันใส่เต้าหู้ลงไปตุ๋นด้วยนะคะ แล้วยังใส่ขิงกับขึ้นฉ่ายลงไปด้วย จะได้ไม่คาว” หลินชิงเหอบอก เธอตักแกงให้ท่านพ่อโจวก่อน จากนั้นก็เป็นโจวชิงไป๋
ส่วนเจ้ารองกับเจ้าสามเหรอ ตักกันเองซะเถอะ
“คุณก็กินด้วยสิ” โจวชิงไป๋บอก
“อืม” หลินชิงเหอพยักหน้า
จากนั้นทั้งครอบครัวก็กินอาหารเย็นอย่างเต็มรูปแบบ
หลังกินอาหารเย็นเสร็จพวกเขาก็พักผ่อน ราวครึ่งชั่วโมงต่อมาก็กินแตงโม โดยทั้งครอบครัวต่างนั่งกันบนเสื่อที่ลานบ้าน
หลินชิงเหอทำไข่เจียว ซุปมะเขือเทศ และแตงกวาผัด จากนั้นก็พร้อมรับประทาน
“สะใภ้สี่ นอนมากกว่านี้เถอะ ที่บ้านไม่มีงานอะไรต้องทำแล้ว” ท่านแม่โจวเอ่ยกับเธอ
ใบหน้าของหลินชิงเหอไม่ได้เกิดริ้วแดงใด ๆ พร้อมกับเอ่ยอย่างใจเย็น “ฉันนอนไม่หลับหรอกค่ะ ฉันต้องไปรับเนื้อส่วนหนึ่งกลับจากบ้านของเม่ยเจี่ยก่อน”
โจวชิงไป๋ซักเสื้อผ้าของเมื่อคืนนี้โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องซัก ดังนั้นเธอจึงขี่จักรยานออกไป
เธอมองหาเม่ยเจี่ย ธุรกิจขายเนื้อของเธอกับเม่ยเจี่ยหยุดชะงักไปเพราะเธอเข้าไปศึกษาในเมืองหลวง แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ยังดีใจมากที่ได้รู้จักกับนักปราชญ์อย่างหลินชิงเหอ
เมื่อวานนี้หลินชิงเหอมาที่ตำบลเพื่อซื้อแตงโมและสั่งเนื้อกับเม่ยเจี่ย ด้วยเหตุนี้เธอจึงมาเพื่อรวบรวมมัน
เม่ยเจี่ยเตรียมเนื้อสามชั้นให้เธอ เช่นเดียวกับเนื้อซี่โครงและเนื้อติดกระดูก
หลังจ่ายเงินเสร็จ เม่ยเจี่ยก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ไม่รู้ว่านาฬิกาในเมืองหลวงจะแพงมากไหมนะ?”
“แพงมากค่ะ พี่จะซื้อนาฬิกาไม่ได้นอกจากว่าจะมีเงินอย่างน้อย 300 หยวน” หลินชิงเหอได้ยินและรู้ว่าหล่อนหมายความว่าอย่างไร เธอจึงตอบไป
“แพงขนาดนั้นเลยเหรอ?” เม่ยเจี่ยโพล่งออกมา
“ถ้าพี่จะซื้อนาฬิกาก็ซื้อในอำเภอเถอะค่ะ คุณภาพไม่ได้แย่ มันมีไว้ดูเวลาแค่นั้น พี่ไม่ต้องซื้อเรือนที่แพง ๆ หรอก ฉันเองยังไม่อยากซื้อให้ชิงไป๋เลยค่ะหลังเห็นราคาของมันแล้ว” หลินชิงเหอบอก
เธออยากซื้อนาฬิกาแต่ก็แพงเกินไป มันมีราคามากกว่า 300 หยวนเลยทีเดียว เธอจึงวางแผนลงไปทางใต้ใน 1 หรือ 2 ปีเพื่อไปดูราคา แต่ตอนนี้ช่างมันเถอะ
………………………………………………
สารจากผู้แปล
แม่เองก็ใช่ย่อยนะคะ ยั่วพ่อแบบ…
ก็คนมันห่างกันไปนานนี่เนอะ
ไหหม่า(海馬)
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...