ครั้งนี้หลินชิงเหอนำของกลับมาหลายอย่าง
แต่เธอไม่คิดที่จะขายของพวกนี้ในเมืองหลวงหรอก อย่างแรกก็คือเธอไม่คุ้นเคยกับที่นี่นัก อย่างที่สองคือคนที่นี่ฉลาดเกินไป
ขณะที่อยู่ในเมืองเกิด ทุกคนต่างชื่นชอบของที่มาจากเมืองใหญ่ ๆ ข้างนอก
เนื่องจากแต่ละเมืองอยู่ห่างไกลกันมาก โดยที่เมืองใหญ่ ๆ อย่างเมืองหลวงกับเมืองไห่หนานเป็นสถานที่ที่คนต่างหมายตา โดยเฉพาะคนในรุ่นหลัง ๆ
ดังนั้นเมื่อนำสินค้ามาขายและบอกว่าของพวกนี้มาจากไหน มันก็กลายเป็นที่นิยมได้ไม่ยาก ต่อให้สินค้าจากเมืองใหญ่ ๆ เหล่านี้จะดูเหมือนกันในสายตาของหลินชิงเหอก็ตาม
การซื้อของในเมืองไห่หนานครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง หลังทำเรื่องนี้สำเร็จแล้ว หลินชิงเหอก็กลับเข้าสู่โหมดการเรียนอีกครั้ง
แต่ในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้เอง เรื่องบางอย่างก็เกิดขึ้นภายในหอพัก
เฉินเสวี่ยแท้งลูก
หล่อนลื่นล้มแล้วก็หล่นกระแทกลง
ช่วงเวลานี้อากาศเย็นมากแล้ว และยังมีหิมะตกไม่น้อยด้วย เฉินเสวี่ยที่ไม่ได้ระวังตัวจึงร่วงกระแทกบันไดแบบนี้
เดิมทีทุกคนไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่มารู้เพราะเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเฉินเสวี่ยบอก
คน ๆ นั้นแต่งงานแล้วเหมือนกัน หล่อนจึงมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ และในครั้งนี้เฉินเสวี่ยก็สูญเสียบุตรไปในทันที
หลินชิงเหอไม่รู้สึกประหลาดใจเลยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ครั้งหนึ่งเธอเคยเห็นเฉินเสวี่ยอยู่กับเพื่อนชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งมองผ่านครู่เดียวก็สามารถบอกได้เลยว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา
โดยทั่วไปแล้วผู้ชายกับผู้หญิงจะไม่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันขนาดนั้น เว้นแต่ว่าพวกเขาจะหลับนอนด้วยกันแล้ว
มันเป็นเรื่องของคนอื่น หลินชิงเหอจึงไม่สนใจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว
แต่หวังลี่กับเพื่อนร่วมหอพักคนอื่น ๆ ต่างตกใจเมื่อได้รับรู้เรื่องนี้
โดยเฉพาะหวังลี่ที่มาพูดกับหลินชิงเหอเป็นการส่วนตัว “สวรรค์เถอะ ฉันไม่เชื่อเลยว่าหล่อนจะทำเรื่องแบบนั้น ต่อให้หล่อนไม่ต้องการสามีกับลูกแล้วก็ยังกล้าทำเรื่องแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นโดยที่คนอื่นไม่รู้ไม่เห็นงั้นเหรอ?”
“อย่าใส่ใจเรื่องนี้เลยน่า” หลินชิงเหอทำเพียงตอบไปแบบนี้
“ฉันก็ไม่อยากหรอกนะ แต่ฉันแค่รู้สึกสะอิดสะเอียนเวลาต้องอยู่กับคนแบบนี้น่ะ!” หวังลี่เอ่ยอย่างรำคาญใจ
ในอดีตที่ผ่านมาหวังลี่รู้สึกว่าเฉินเสวี่ยนิสัยไม่ดีและยังก้าวร้าวนิด ๆ แต่หล่อนรู้สึกว่าเรื่องนี้คือขีดต่ำสุดเลยทีเดียว
แค่ปีเดียวนับตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยเท่านั้น หวังลี่ก็ไม่อาจรับอะไรแบบนี้ได้
หลินชิงเหอเองก็รู้สึกรังเกียจกับเรื่องแบบนี้ที่เกิดขึ้นภายในหอพักไม่น้อย “แต่กฎระเบียบหอพักตอนนี้เข้มงวดมาก เปลี่ยนหอพักไม่ได้หรอก”
หวังลี่เองก็รู้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนหอพักได้ เพราะไม่มีเตียงว่างเหลืออยู่เลย หล่อนถึงกับขบเคี้ยวฟัน “น่าไม่อายจริง ๆ!”
หวังลี่บ่นเรื่องนี้กับหลินชิงเหอเป็นการส่วนตัว ขณะที่เพื่อนร่วมหอพักคนอื่น ๆ กำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ทุกวันนี้ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ในหอพักของเราจะต้องมีการทะเลาะกันบ้าง แต่ถ้าต้องมาอยู่กับคนแบบนี้แล้ว ฉันก็คิดว่าฉันไม่อาจอยู่ในหอพักกับคนแบบนี้ได้หรอก!” คำพูดนี้มีความหมายชัดเจนว่าต้องการไล่เฉินเสวี่ยออกไป
“ฉันเองก็อยู่กับหล่อนไม่ได้เหมือนกัน ไร้ยางอายเกินไปแล้ว ต่อให้หล่อนยังไม่แต่งงาน แต่การทำแบบนี้มันก็ทำให้ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ขายขี้หน้า” เพื่อนร่วมหอพักหญิงอีกคนหนึ่งที่ไม่ค่อยพูดมากนักเอ่ยแสดงความเห็นสนับสนุน
“ยังไม่แต่งงานอะไรกัน? เธอไม่รู้เหรอ? ตอนนี้ข้างนอกลือกันให้แซด ว่าตอนที่หล่อนอยู่ในชนบท หล่อนแต่งงานกับมีลูกชายลูกสาวอย่างละคนแล้ว!” ผู้พูดคนแรกเอ่ย
“นี่ยิ่งขายหน้าหนักกว่าเดิมอีกนะเนี่ย!” ฝ่ายหลังเริ่มแค่นเสียงตำหนิ “ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นในอดีตมันถือว่าเป็นการเล่นชู้เลยนะ หล่อนทำตัวไร้ยางอายแบบนี้ได้โดนประณามจนตาย!”
นับตั้งแต่ที่แก๊งค์สี่คนหมดอำนาจ การประณามและการต่อสู้ก็จบลง เพราะคนเบื้องสูงไม่นิยมเรื่องแบบนี้
อย่างเช่นกรณีของหมู่บ้านโจวเจี่ย หวังหลิงกับชายที่ชื่อโจวเหอผู้ถูกประณามอย่างต่อเนื่องก็ได้ถูกปล่อยตัว แต่พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่อย่างอนาถา
“พวกเธอกล้าพูดอีกสิ!” เฉินเสวี่ยที่กำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียวตวาดด้วยความรำคาญบทสนทนาของเพื่อนร่วมหอสองคนนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...