ท่านแม่เวิงอยากไปเห็นกับตาจริง ๆ ว่าหลินชิงเหอเข้ากันได้ง่ายกับนางหรือไม่
แต่เมื่อนางมีโอกาสอันหาได้ยาก ก็บังเอิญว่าช่วงนั้นเป็นช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่หลินชิงเหอเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยเดินทางไปไห่หนานพร้อมกับนักศึกษาส่วนหนึ่งพอดี
ต้องบอกว่านี่คือการประชุมแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยก็จริง แต่มันดูเหมือนการเดินทางธุรกิจมากกว่า พวกเขาต้องเข้าร่วมการแลกเปลี่ยนก็จริง แต่หลังจากทำหน้าที่แล้วแต่ละคนก็มีเวลาว่างเป็นของตัวเอง
แต่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกลับจากไห่หนานเช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายส่วนตัวและอาหารทุกมื้อล้วนเป็นความอนุเคราะห์จากทางมหาวิทยาลัย
เมื่อทราบเรื่องนี้แล้ว หลินชิงเหอก็ไม่ลังเลที่จะรับหน้าที่เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยโดยไม่ทันต้องคิดเลย
ท่านแม่เวิงช่างโชคไม่ดีจริง ๆ
ท่านแม่เวิงต้องยอมรับว่านางรู้สึกประทับใจเต็มอกเมื่อได้ยินว่าแม่ของโจวข่ายได้เป็นตัวแทนนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งที่มหาวิทยาลัยไห่หนาน
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงให้กำเนิดลูกชายอย่างโจวข่ายได้
แต่ถึงอย่างนั้นท่านแม่เวิงก็ไม่ได้เอ่ยความคิดนี้ออกมา มีเพียงท่านพ่อเวิงที่รู้ แต่ลูกชายและลูกสาวของพวกเขาไม่รู้
และด้วยความคิดนี้เอง ท่านแม่เวิงก็ปฏิบัติต่อโจวข่ายเหมือนกับลูกชายของนางเองในยามที่เขาตามเวิงกั๋วเหลียงลูกชายของนางมาที่บ้าน
ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ระดับเดียวกับลูกชายของนาง ดีกว่าลูกชายของนางเองเล็กน้อยด้วยซ้ำ
เรื่องนี้ทำให้เวิงกั๋วเหลียงออกอาการงอนอยู่ตลอด แม่ของเขากลายเป็นแม่ของอีกคนหนึ่งไปแล้ว
ส่วนหลินชิงเหอไม่รู้เลยว่าลูกชายคนโตถูกคนอื่นหมายตาไว้และอยากให้เขามาเป็นลูกเขย หลังเสร็จจากการประชุมแลกเปลี่ยนนักศึกษากันแล้วเธอก็มีหนทางของเธอ
ตอนนี้ไห่หนานเป็นสถานที่ที่พัฒนามากแล้ว อย่างเช่นตอนที่เธอมายังห้างสรรพสินค้า เธอก็ได้เห็นสินค้าแบบใหม่หลายอย่าง
มีทั้งนาฬิกา ผ้าพันคอ ถุงมือ และผ้าเนื้อดีที่ไม่มีขายในอำเภอ
อีกความหมายหนึ่งก็คือทันทีที่สินค้าวางบนชั้นก็จะมีลูกค้าซื้อไปจนหมดเกลี้ยง ไม่มีทางที่จะจองสินค้าไว้ได้เลย
แล้วหลินชิงเหอจะยั้งมืออยู่ได้อย่างไรล่ะ?
พนักงานขายรู้สึกถึงราศีทรงอิทธิพลของหลินชิงเหอ ทันทีที่ถามและรู้ว่าเธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่งที่มาจากเมืองหลวงในฐานะนักศึกษาแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยไห่หนาน หล่อนก็มีสายตาเปลี่ยนไปในทันที
หลินชิงเหอไม่ได้จะอวดตัวอะไรหรอก แต่ทุกวันนี้ก็เป็นแบบนี้ หากไม่แสดงตัวเสียบ้าง คนอื่นก็จะมองอย่างดูถูก เธอจะทำอย่างไรได้ล่ะ?
“เป็นโอกาสหายากน่ะค่ะที่จะได้มาที่นี่ในครั้งนี้ ฉันก็เลยอยากซื้อมากหน่อย แต่ฉันไม่ได้เอาคูปองมาเลยนี่สิคะ” หลินชิงเหอหยิบบัตรประจำตัวนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่งออกมาแสดงให้พนักงานขายดูพลางเอ่ยอย่างเสียดาย
“พวกนี้คือผ้าทอสำเร็จรูปที่ล้วนเป็นของคุณภาพดีทั้งหมด คุณไม่คิดว่ามันเหมาะกับรสนิยมของคุณเหรอคะ?” พนักงานขายรีบแจ้งในทันที
“ขอบคุณนะคะ” หลินชิงเหอตอบอย่างไม่ลังเล
“ถ้างั้นรออยู่ตรงนี้นะคะ” พนักงานขายเอ่ยแล้วเดินไปหาพนักงานอีกคนหนึ่งเพื่อขอสินค้า พนักงานอีกคนหนึ่งจึงเดินไปหยิบสินค้ามา
แล้วพนักงานขายคนนั้นก็ถามหลินชิงเหอถึงสถานการณ์ในเมืองหลวง
หลินชิงเหอไม่ได้ใจแคบ ในเมื่อเธอทำอะไรได้อิสระแล้วเธอก็มีความสุขที่จะคุยกับหล่อน แต่เธอก็ไม่ได้ให้ข้อมูลไปทั้งหมด ยังปิดข้อมูลบางส่วนอยู่
ไม่อย่างนั้นแล้วคนอื่น ๆ คงเห็นว่าเธอเป็นคนโง่
พนักงานขายนำผ้าออกมา และหลินชิงเหอก็ซื้อไปสองพับ
หลังจ่ายเงินแล้ว เธอก็ออกมาหาสถานที่เปลี่ยวร้างเพื่อเก็บมันไว้ในมิติ จากนั้นก็กลับเข้ามาหาพนักงานขายคนนี้อีกครั้ง
“ฉันคิดว่าคุณจะไม่มาเสียแล้วค่ะ” พนักงานขายยิ้มแย้ม
“คือว่าฉันยังไม่ได้ซื้อของอย่างอื่นเลยน่ะค่ะ ของที่นี่ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับของในเมืองหลวง และยังมีรูปแบบดีมากด้วย” หลินชิงเหอเอ่ยชม
“ของพวกนี้เป็นของใหม่รุ่นล่าสุดทั้งนั้นเลยค่ะ ขายหมดไวมาก คุณเลือกแบบที่คุณต้องการได้เลย” พนักงานขายเอ่ย
การได้มาเจอกับนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่งที่มาจากเมืองหลวงและยังคุยง่ายแบบนี้ก็เพียงพอแล้วที่หล่อนจะใช้มันเป็นหัวข้อสนทนา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...