คะแนนดีไม่ใช่ว่าจู่ ๆ จะผุดขึ้นมาได้เอง เธอร่ำเรียนวิชาอย่างละเอียดรอบคอบตลอด
ในช่วงนี้ท่านแม่โจวก็กลับมาพอดี เมื่อนางกลับมาดื่มน้ำและเห็นว่าหลินชิงเหอกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่ลานบ้าน นางก็ไม่รบกวนเธอ
ตอนที่นางไปถึงลานตากธัญพืช นางก็คุยกับสหายเก่าแก่ว่า “แม่เจ้าสามเป็นคนทุ่มเทจริง ๆ ตอนนี้หล่อนเรียนหนังสืออยู่กับบ้าน ไม่ว่าจะอยู่ที่มหาวิทยาลัยหรือที่บ้าน หล่อนก็ไม่เคยเถลไถลเลย”
สหายเก่าของนางได้ฟังแล้วก็พากันเอ่ยชื่นชม
“กลับมาคราวนี้หล่อนผอมลงมาก ผอมจนเห็นขากรรไกรชัดเลย” ท่านแม่โจวพูดต่อ
“ที่บ้านเธอมีไก่ตั้งมากมาย เธอก็เอาไปบำรุงให้แม่เจ้าใหญ่บ้างสิ” หญิงชรานางหนึ่งเอ่ย
“ช่วงนี้ได้เวลาบำรุงร่างกายแล้วล่ะ พูดถึงเรื่องนี้แล้ว แม่ชิงไป๋ เธอช่างโชคดีจริง ๆ ในละแวกรอบ ๆ ตอนนี้มีใครไม่อิจฉาแม่ชิงไป๋บ้างล่ะ? เมื่อก่อนเป็นลูกชายที่ถูกยกย่อง มาตอนนี้เป็นลูกสะใภ้ไปแล้ว” หญิงชราอีกนางเอ่ยสมทบ
แม้ใน 2 ปีที่ผ่านมานี้จะมีนักศึกษาคนอื่น ๆ สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่ก็ยังมีจำนวนน้อยนัก และยิ่งกว่านั้นก็คือไม่มีใครเลยได้รับคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยในเมืองหลวง
ต้องบอกว่าคนตระกูลโจวรุ่นที่เจ็ดคนนี้ช่างโชคดีนัก
คนตระกูลโจวรุ่นที่เจ็ดก็คือท่านพ่อโจว ในบรรดาคนรุ่นนี้ทั้งหมู่บ้านโจวเจี่ย ท่านพ่อโจวจัดอยู่ในอันดับเจ็ด
ท่านแม่โจวหัวเราะขณะสนทนากับสหาย พวกนางสามารถคุยกันเรื่องหลินชิงเหอขยันเรียนได้เป็นวัน ๆ เลยทีเดียว
ในใจหลินชิงเหอไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากจดจำประโยค ทำความคุ้นเคยกับไวยากรณ์ และจดสิ่งที่ได้จำไว้ลงกระดาษ
แม้ตอนอยู่บนรถไฟ เธอก็ทำแบบนี้
เมื่อถึงเวลาสิบโมงครึ่ง ก็เกือบได้เวลาทำอาหาร ในตอนนี้เองหลินชิงเหอจึงได้เริ่มเข้าครัว
เธอทำผัดไส้หมูกับผักดอง อาหารธรรมดา ๆ จานนี้กินอย่างไรก็ไม่เบื่อ
เนื้อสามชั้นถูกหั่นจนมีขนาดเท่านิ้วมือ ปรุงแล้วกินแบบสลัดเย็น ช่างอร่อยล้ำยิ่งนัก
ส่วนอาหารอีกอย่างก็คือหมูตุ๋น
เธอซื้อเนื้อหมูเป็นจำนวนมาก ซึ่งมันคงความสดได้ไม่นานท่ามกลางสภาพอากาศแบบนี้ เธอจึงทำอาหารในปริมาณมาก ส่วนที่เหลือก็โรยเกลือถนอมเอาไว้
ท่านแม่โจวกลับมากินอาหารที่บ้าน ส่วนคนอื่น ๆ หลินชิงเหอใช้วิธีส่งไปให้เมื่อถึงเวลา
โจวชิงไป๋ ท่านพ่อโจว และเด็กชายทั้งสองต่างหมดแรง
หลินชิงเหอที่นำอาหารไปส่ง เดินตรงไปหาท่านพ่อโจวในทันที “รีบกินเร็วค่ะคุณพ่อ จากนั้นก็กินถั่วเขียวต้มนะคะ ฉันแช่เย็นมาแล้วค่ะ”
“อืม” ท่านพ่อโจวอายุมากขนาดนี้แล้ว แต่โชคดีที่เขายังมีสุขภาพแข็งแรงอยู่
และเขาก็พักผ่อนบ่อย ๆ ด้วย นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขายังทำงานไหว
หลินชิงเหอรบเร้าให้พวกเขานอนพักใต้ต้นไม้หลังกินเสร็จ “รอจนกว่าจะได้ยินแตรสัญญาณก่อนกลับไปทำงานต่อนะคะ สภาพอากาศแบบนี้ฝนไม่น่าตกหรอก”
ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆ ทั้งสว่างและเจิดจ้าด้วยแสงอาทิตย์
หลินชิงเหอไม่ได้อยู่นาน เธอกลับไปก่อนหลังเก็บรวบรวมจานชามที่ใช้แล้ว
เธอแช่ถั่วเขียวจำนวนหนึ่งเตรียมทำเป็นอาหารมื้อเย็น ใครจะทนสภาพอากาศแบบนี้ไหวกันล่ะ?
เมื่อกลับมาถึงบ้าน โจวชิงไป๋ก็ถือกระต่ายอ้วนตัวหนึ่งมาด้วย
มันถูกจับได้ในทุ่งข้าวสาลี และมีตัวอ้วนท้วนอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่ากระต่ายตัวนี้จะถูกนำไปตุ๋น
ในช่วงการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนนี้ ท่านแม่โจวก็สั่งให้โจวชิงไป๋เชือดไก่ตัวหนึ่งมาบำรุงให้หลินชิงเหอ
หลินชิงเหอไม่หวงไว้คนเดียว ทั้งครอบครัวต่างได้กินมันด้วยกัน
ทันทีที่การเก็บเกี่ยวฤดูร้อนสำเร็จ ทุกคนต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก
หลินชิงเหอไม่ได้นำธัญพืชไปขายต่อแล้ว
เธอไม่สนใจเงินน้อยนิดที่ได้จากการขายธัญพืช ไม่ต้องพูดถึงว่ามันเป็นงานหนักเลย มันยังเสี่ยงอยู่อีกด้วย ต่อให้สถานการณ์จะเปลี่ยนไปมากแล้วก็ตาม
สินค้าที่เธอซื้อกลับมาจากไห่หนานทำเงินได้มากกว่าของแบบนี้เสียอีก
เธอจึงไม่อยากทำอีกต่อไป และยังรู้สึกขี้เกียจด้วยสภาพอากาศร้อนแบบนี้ด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...