หลังตกลงกับเสิ่นอวี้ว่าจะนำของมาให้อีกในครั้งหน้า หลินชิงเหอก็แวะมาเยี่ยมบ้านของโจวเสี่ยวเหมย
เธอซื้อแตงโมมาสองลูก ลูกหนึ่งเธอให้โจวเสี่ยวเหมย
“พี่สะใภ้สี่ พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย?” โจวเสี่ยวเหมยรู้สึกประหลาดใจมาก
หล่อนไม่ได้ไปทำงานตั้งแต่เดือนนี้เพราะอยู่ดูแลครรภ์ที่บ้าน ตอนนี้ท้องของหล่อนมีอายุเกือบ 7 เดือนแล้ว นับว่าไม่เล็กเลย
“พี่กลับมาตั้งแต่ตอนยุ่ง ๆ ในช่วงเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อนแล้วล่ะ ตอนนั้นมีรถแทรกเตอร์กำลังจะกลับหมู่บ้านใกล้เคียงพอดี พี่ก็เลยรีบขึ้นรถจนไม่มีเวลามาคุยกับเธอนี่แหละ” หลินชิงเหอยิ้ม
“ป้าสะใภ้สี่ครับ บ้านเราก็มีแตงโมลูกใหญ่แล้วเหมือนกัน อาเอาแตงโมทั้งสองลูกกลับไปให้พี่รองกับคนอื่น ๆ กินเถอะครับ” ซูเฉิงบอก
ตอนนี้เด็กชายเรียนอยู่ในโรงเรียนประถมศึกษาแล้ว เป็นเด็กที่ฉลาดและมีเหตุผลอย่างมาก
และเขาเองก็ยังสนิทกับเจ้ารองและเจ้าสามผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง เด็กชายยังจำได้ถึงวันเวลาที่เขายังเด็กและอาศัยในบ้านเกิด
“ต้าหลินเพิ่งซื้อกลับมาวันนี้ลูกหนึ่งน่ะค่ะ อยู่ในครัว ยังไม่ได้ผ่าเลย” โจวเสี่ยวเหมยยิ้ม
จากนั้นหล่อนก็เดินเข้าครัวไปหั่นแตงโมบริการพี่สะใภ้สี่
“เธอไม่ต้องทำอะไรให้ลำบากหรอก พี่หั่นเอง” หลินชิงเหอมองท้องป่องนูนของหล่อนแล้วก็ไม่กล้านั่งเฉย ๆ เป็นฝ่ายให้น้องสามีคอยบริการ
หญิงสาวจึงเป็นคนเดินไปหั่นแตงโมด้วยตัวเอง
“แตงโมนี่ฤทธิ์เย็นอยู่นะ เธอกินน้อย ๆ ดีกว่า” หลินชิงเหอเอ่ยกับหล่อน
โจวเสี่ยวเหมยได้ยินแล้วก็เอ่ยขึ้นมา “พี่สะใภ้สี่คะ ฉันตกงานแล้วค่ะ”
“เธอตกงานแล้วก็ตกไปเถอะ เงินเดือน 30 หยวนไม่ได้มากมายนักหรอก” หลินชิงเหอโบกมือเอ่ยอย่างไม่รู้สึกรู้สา เธอมองซูเฉิงและเอ่ยเรียก “มากินแตงโมสิจ๊ะ หนูกินลูกนี้ ส่วนอีกลูกที่ป้าให้จะได้ให้พ่อหนูกินทีหลัง”
ซูเฉิงจึงหยิบแตงโมขึ้นมากิน
“พี่สะใภ้สี่รวยแล้วเหรอคะ?” โจวเสี่ยวเหมยถามพลางคว้าแตงโมขึ้นมากินเช่นกัน
เงินเดือน 30 หยวนนับว่ามากแล้วจริง ๆ
“รวยอะไรกันล่ะ? เงิน 30 หยวนต่อเดือนจริง ๆ แล้วไม่เยอะเลย ถ้าเธอฟังฉันก็เลี้ยงดูเด็กให้ดี ๆ ไม่ต้องกังวลกับอะไรอย่างอื่น เมื่อถึงเวลา พี่สะใภ้สี่คนนี้จะพาเธอบินขึ้นสูงเอง เธอทำแค่นับเงินเท่านั้น ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว” หลินชิงเหอตอบ
โจวเสี่ยวเหมยได้ยินแล้วก็หัวเราะ “พี่สะใภ้สี่นี่ช่างทำให้ฉันมีความสุขเก่งขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะคะ”
“ตราบใดที่เธอมีความสุขล่ะก็ ตอนที่เธอว่างก็พาเด็ก ๆ มาเดินเล่นหน่อยสิ อย่าอยู่อุดอู้แต่ในบ้านเลย” หลินชิงเหอแนะนำ จากนั้นเธอก็ถามขึ้นมา “ครั้งหน้าอยากให้พี่เอาพัดลมไฟฟ้ามาให้ไหม?”
ในเมืองมีไฟฟ้าใช้แล้ว แต่โจวเสี่ยวเหมยยังไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าใด ๆ เลย
“มันแพงเกินไปน่ะค่ะ ไม่ง่ายที่จะซื้อเลย อีกอย่างมันต้องใช้เส้นสายเยอะด้วย” โจวเสี่ยวเหมยส่ายหน้า
“มันค่อนข้างแพงจริง ๆ แหละ” หลินชิงเหอตอบ
ในยุคนี้เครื่องใช้ไฟฟ้านับว่ามีราคาแพงลิ่ว เธอได้ยินว่าตู้เย็นหลังหนึ่งมีราคาราวหลายพันหยวน ยิ่งกว่านั้นบ้านในตอนนี้มีราคาเท่าไหร่ล่ะ?
“ในอนาคตข้างหน้าพี่จะได้ตั้งตัวในเมืองหลวง ฉันเลยมีแผนที่จะไปอยู่กับพี่ด้วย จะเก็บเงินทุกหยวนที่ฉันมีในตอนนี้เลยค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยบอก
หล่อนเองก็รู้ว่าการถือเงินไว้มาก ๆ ตอนออกจากบ้านมันทำให้รู้สึกอุ่นใจมากขึ้น
หลินชิงเหอพยักหน้า
ตอนนี้ซูต้าหลินกำลังทำงานอยู่ หลินชิงเหอจึงไม่อยู่นาน เธอทิ้งแตงโมไว้ให้ลูกหนึ่ง แต่โจวเสี่ยวเหมยก็หยิบมาคืน “ที่บ้านนั้นมีคนเยอะแยะ พี่สะใภ้สี่เอากลับไปกินเถอะค่ะ ไม่ใช่ว่าทางนี้ไม่มีกินเลย”
“ป้าสะใภ้สี่เอากลับไปให้พี่รองกับคนอื่น ๆ กินเถอะครับ ปีนี้พี่รองจะได้เข้าโรงเรียนมัธยมปลายเป็นปีแรก บอกให้พี่รองมาอยู่อาศัยและพักผ่อนกับผมได้นะครับ” ซูเฉิงบอก
“ได้จ้ะ” หลินชิงเหอยิ้มและปั่นจักรยานกลับไป
เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเจ้ารองของเธอกำลังจะเข้าโรงเรียนมัธยมปลายในปีนี้ในขณะที่ขายพัดลมไฟฟ้าทั้งหมดที่มีอยู่ไปแล้ว ไม่อย่างนั้นมันจะเยี่ยมขนาดไหนที่สามารถเหลือไว้ให้บ้านของเสี่ยวเหมยได้ตัวหนึ่ง?
บังกาโลเล็ก ๆ ในเมืองก็ถือว่าดี แต่พวกมันคับแคบอุดอู้เกินไป เทียบไม่ได้กับอากาศเปิดโล่งของชนบทหรอก
ครั้งหน้าเธอจะนำกลับมาด้วยตัวหนึ่งแล้วกัน
หลินชิงเหอนำแตงโมกลับมา 2 ลูก เธอไม่ได้ตรงไปที่หมู่บ้านเลย แต่ปั่นอ้อมแวะไปส่งแตงโมลูกหนึ่งให้น้องชายสาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...