ผลการสอบของเจ้ารองยังมาไม่ถึง แต่ฝนระลอกใหญ่ก็ได้มาเยือนก่อนแล้ว
ฝนตกหนักอยู่ถึง 7 วันจึงหยุดตก พร้อมกับผลสอบของเจ้ารองที่ออกมา
ที่ 1 ของอำเภอ
ทั้งคะแนนคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษของเขาทิ้งห่างจากที่สองของอำเภอไปไกล ห่างกันถึง 50 คะแนน
ทั้งสมาคมโรงเรียนมัธยมปลายในอำเภอและทางโรงเรียนมัธยมต้นประจำตำบลต่างมอบทุนการศึกษาให้เขา
หลินชิงเหอยึดเงินทุนการศึกษานี้ไว้ครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเธอให้เจ้ารองนำไปจัดสรรใช้จ่ายด้วยตัวเอง
เจ้าสามเห็นแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นมา “พี่รอง พี่ซื้อลูกฟุตบอลให้ผมได้แล้วน่ะสิ!”
ลูกฟุตบอลลูกเก่ามีสภาพขาดเยินจนไม่สามารถเตะเล่นได้อีกแล้ว เขารู้สึกอยากได้ลูกฟุตบอลใหม่ใจจะขาด จึงพยายามเก็บเงินเพื่อที่จะซื้อมัน
เขามีเงินเก็บอยู่บ้าง อย่างเช่นก่อนที่แม่ของเขาจะเข้ามหาวิทยาลัย เธอก็ให้เขาไว้ 3 หยวน ซึ่งเขาก็เก็บไว้ทั้งหมด
บางครั้งเขาก็เก็บขยะไปแลกเงินนิด ๆ หน่อย ๆ หลอดยาสีฟันสามารถแลกเป็นเงินได้เหมือนกัน แต่เขาก็เก็บได้ไม่มาก
“ไม่มีเงินแล้ว ฉันต้องเอาไปซื้อเครื่องเขียน แล้วยังจะเอาไปซื้อลูกบาสเก็ตบอลไว้เล่นเวลาอยู่ที่นั่นด้วย” เจ้ารองตอบ
“พี่มีเงินตั้งเยอะแยะนะ ผมต้องการไม่เยอะหรอก แค่ให้ผมสัก 10 หยวนก็พอ!” เจ้าสามยังคงยืนกราน
ท้ายที่สุด เจ้ารองก็ฝืนให้เงินกับน้องชายไป 5 หยวน เจ้าสามจึงนำเงินที่เขาเก็บสะสมไว้ไปหาแม่
หลินชิงเหอรับเงินไว้และเอ่ยตกลง “ครั้งหน้าแม่จะซื้อให้นะ”
เจ้าสามได้ยินก็พอใจ
แม้หลินชิงเหอจะไม่เข้มงวดกวดขันในเรื่องเงินทองกับลูกชาย แต่เธอก็ไม่ได้ใจดีมากเหมือนกัน หลาย ๆ ครั้งพวกเขาต่างถูกขอให้ใช้สมองของตัวเองหาวิธีสร้างรายได้
ตราบใดที่พวกเขาไม่ใช้วิธีหาเงินแบบทุจริต เธอก็จะไม่เข้าไปยุ่ง
พวกเด็กผู้ชายต้องถูกเลี้ยงมาให้ลำบากเป็นเสียบ้าง
ในสายตาของคนในหมู่บ้าน เธอนับว่าเป็นแม่ที่ตามใจลูกคนหนึ่ง
เมื่อวันเวลาผันผ่านไป เจ้ารองก็เริ่มเรียนในระดับสูง
โรงเรียนมัธยมปลายตอนนี้กำลังเป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิด ตอนที่เจ้ารองเข้าโรงเรียน มันเพิ่งจะเป็นวันที่ 15 สิงหาคมเท่านั้น
หลินชิงเหอพาเขาไปอยู่ที่บ้านของโจวเสี่ยวเหมย ในตอนนั้นเธอก็นำเสื้อผ้าและเครื่องใช้ส่วนตัวมาให้เขา
“ปีหน้าแม่จะเอาพัดลมไฟฟ้ามาให้ใช้นะ” หลินชิงเหอบอก
“ไม่เป็นไรหรอกครับ อดทนอีกนิดเดียวผมก็จะจบแล้ว ผมเรียน 2 ปีเท่านั้นเอง แม่ไม่ต้องใช้เงินเยอะขนาดนั้นซื้อมันหรอกครับ” เจ้ารองไม่สนใจ
ในบรรดาลูกชายทั้งสาม เด็กคนนี้ดูเหมือนเธอมากที่สุดและยังเป็นคนที่ฉลาดที่สุดด้วย
หลินชิงเหอยิ้ม เธอไม่ได้ถกเถียงกับเขาในเรื่องนี้ หลังมาส่งของถึงบ้านของโจวเสี่ยวเหมย เธอก็พาเจ้ารองออกไปเดินเล่น
เจ้ารองไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับอำเภอนี้ แม้เขาจะไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก แต่ก็มาเยี่ยมพี่ชายคนโตตอนที่เขาเรียนอยู่ที่นี่อยู่บ่อย ๆ
บ้านของโจวเสี่ยวเหมยอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก ใช้เวลาเดินไปราว 15 นาที เธอจึงปล่อยให้เจ้ารองได้เดิน
ครั้งนี้เธอร่วมกินอาหารที่บ้านของโจวเสี่ยวเหมยด้วย ซูต้าหลินทำอาหารได้อร่อยนัก เจ้าใหญ่เคยเอ่ยปากชมอยู่ตลอด แสดงว่าเงินค่าใช้จ่ายที่ให้เขาไปนั้นเพียงพอ
“คุณน้า เจ้ารอง!”
ทั้งแม่และลูกชายที่กำลังเดินเล่นอยู่ถึงกับหันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากด้านหลัง
หลินชิงเหอกับเจ้ารองหันไปแล้วก็พบกับคนคุ้นเคยคนนั้น
เอ่อ นี่ไม่ใช่หานสวี้เจี๋ยหรอกเหรอ?
นับได้ว่าหลินชิงเหอเลิกระแวงต่อหานสวี้เจี๋ยไปนานแล้ว ลูกชายคนโตของเธอเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยและในอนาคตก็จะได้เข้าร่วมกองทัพ เขาจึงไม่เดินทางสายเดิมเหมือนชีวิตชาติที่แล้วอีก
ไม่มีอะไรต้องกังวลเลย
“สวี้เจี๋ย” หลินชิงเหอรู้สึกดีใจที่ได้เห็นหานสวี้เจี๋ย พระเอกของเรื่องเดิม
“พี่สวี้เจี๋ย” เจ้ารองเองก็ร้องออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...