หลินชิงเหอถามลูกชายคนโตในเรื่องที่เขาให้ไข่กับบรรณารักษ์ในตอนที่เขาเอาไข่มาให้เธอในวันนี้
“อ้า? ผมให้ไข่เขาไปล่ะครับ เขาขอผม ผมก็เลยบอกเขาไปว่าจะเอามาให้” โจวข่ายบอกพลางเกาศีรษะ “คุณตาคนนั้นเขาช่วยในแบบของเขาเหรอครับ?”
“อืม” หลินชิงเหอพยักหน้า
บรรณารักษ์ชราคนนั้นเป็นคนแซ่หวัง ซึ่งเป็นแซ่ที่ธรรมดาดาษดื่นทั่วไปในเมืองหลวง
เขากับหลินชิงเหอนับว่าเป็นคนรู้จักคุ้นเคยกัน เพราะเขามักจะช่วยจองที่นั่งให้เธอบ่อย ๆ แต่เธอไม่คิดเลยว่าลูกชายของตนเองจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาด้วย
ทันทีที่ได้ยินว่าทางมหาวิทยาลัยไม่ได้จัดสรรที่อยู่ให้ เขาก็ถ่ายโอนอพาร์ตเมนต์ในนามของเขาให้กับทางมหาวิทยาลัย
แม้เขาจะรับเงินไปเป็นจำนวนหนึ่ง เขาก็ทำให้เรื่องราวทั้งหลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับหลินชิงเหอ
“อพาร์ตเมนต์นี้ค่อนข้างดีนะ พื้นที่มากกว่า 50 ตารางเมตร ถึงตัวอาคารจะดูเก่าไปบ้าง แต่ก็ยังมีสภาพดีอยู่” อาจารย์ของหลินชิงเหอมาหาเธอในอีก 2 วันต่อมาและบอกเรื่องนี้
“ฉันคุยกับคุณลุงหวังแล้วค่ะ หลังเลิกสอนวันนี้ฉันเลยจะไปตรวจดูกับเขา” หลินชิงเหอบอก
“ได้สิ คุณลุงหวังบอกกับทางมหาวิทยาลัยว่ายกอาคารนี้ให้เธอโดยเฉพาะเลยล่ะ” อาจารย์ของเธอยิ้ม
“ฉันจะจำบุญคุณนี้ไว้ในใจเลยค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
หลังสอนหนังสือเสร็จ หลินชิงเหอก็พาลูกชายคนโตเดินตามคุณลุงหวังไป
“สถานที่แห่งนี้ดีก็จริง แต่ก็มีคนอาศัยอยู่ที่นี่เยอะ ถ้าคุณต้องอยู่คนเดียวก็อย่าเพิ่งมา อยู่อาศัยในมหาวิทยาลัยจัดการเรื่องต่าง ๆ ไปก่อน เมื่อสามีคุณมาแล้วก็ค่อยมาอยู่” คุณลุงหวังแนะนำ
“ต้องกังวลอะไรล่ะครับ? มีผมอยู่ที่นี่แล้ว” โจวข่ายบอกเมื่อได้ยินดังนี้
“เธอไม่ได้อยู่บ้านตลอดทั้งวันนี่ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แม่จะหาเธอได้ไหม?” คุณลุงหวังเอ่ยตรง ๆ “ปีนี้มีคนกลับเข้าเมืองหลายคนอยู่ ผมเดาว่าในอนาคตจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เกรงว่าจะไม่มีอะไรมารับประกันความปลอดภัยในที่สาธารณะแล้ว ดังนั้นฟังผมไว้ให้ดีเถอะครับ”
“ก็จริงนะคะ” หลินชิงเหอพยักหน้าเห็นด้วย
“อืม คุณไปดูสภาพก่อนนะครับ เป็นห้องกลางบนชั้นสาม” คุณลุงหวังเอ่ยและยื่นกุญแจให้สองแม่ลูก
“คุณลุงไม่ขึ้นมาด้วยเหรอคะ?” หลินชิงเหอถาม
“ไม่ล่ะครับ” คุณลุงหวังโบกมือและหันหลังกลับ ก่อนจะจากไปเขาก็เอ่ยเตือนไว้ “คนแซ่จางที่อยู่ห้องข้าง ๆ เป็นพวกคนไม่ดีนะ ระวังตัวด้วยหากอนาคตคุณมาอยู่ที่นี่แล้ว”
“ค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้าตอบ
หลังมองเขาเดินจากไป หลินชิงเหอกับลูกชายคนโตก็เดินขึ้นไปบนชั้นสาม ที่นี่มีทั้งหมด 4 ชั้น ต้องบอกว่าชั้นสามได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
มันอาจดูรกหน่อย แต่ในยุคนี้ก็เป็นแบบนี้ มีที่ให้อยู่อาศัยก็นับว่าดีแล้ว
หลินชิงเหอกับโจวข่ายเปิดประตูเพื่อดูสภาพภายในห้อง
บางทีอาจเป็นเพราะไม่มีใครอยู่ที่นี่มานานแล้ว ในห้องนั้นก็เลยดูว่างเปล่าและมีแต่ฝุ่น แต่ถึงอย่างนั้นมีห้องให้อยู่อาศัยก็นับว่าเยี่ยมยอดแล้ว
“แม่ บ้านนี้ดูกว้างขวางดีนะครับ บ้านของเวิงกั๋วเหลียงเพื่อนผมใหญ่เกือบเท่านี้เลย” โจวข่ายมองไปรอบ ๆ ด้วยความพอใจอย่างยิ่ง
“ดีทีเดียวเลยล่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
ที่ตั้งของอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก ทันทีที่โจวชิงไป๋มาถึง พวกเขาก็จะมาอยู่ด้วยกันที่นี่ ส่วนลูกชายคนโตสามารถอยู่ในหอพักมหาวิทยาลัยได้
ขณะที่เธออยู่กับโจวชิงไป๋ที่นี่ มันก็จะมีห้องสำหรับลูกชายอีก 2 คน
ส่วนท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวยังพามาไม่ได้ในช่วงนี้ ต้องรอจนกว่าตลาดจะเปิดตัวจริง ๆ และพวกเขาสามารถซื้อบ้านได้ก่อน
ดังนั้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป หลินชิงเหอกับโจวข่ายก็มีงานเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งงาน
หลังเลิกเรียนพวกเขาจะช่วยกันทำความสะอาดสถานที่ในตอนเย็นและย้ายเครื่องเรือนเข้าไปในห้อง ซึ่งมันมีไม่มากนัก แต่ละวันทยอยขนเข้าไปอย่างสองอย่าง ไม่นานเกินหนึ่งเดือนหลังจากนั้น ที่แห่งนี้ก็ดูน่าอยู่ขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...