ชีวิตในมหาวิทยาลัยช่างจำเจและเคร่งเครียด
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงเป็นสถานศึกษาอันทรงเกียรติ บรรยากาศการเรียนการสอนช่างแตกต่างจากที่อื่น ๆ นัก หากคน ๆ นั้นไม่ขยันเรียนอย่างหนักที่นี่ พวกเขาก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกับบรรยากาศแบบนี้ได้
หลินชิงเหอไม่ว่างเลยสักขณะเดียว ด้วยผลการเรียนอันยอดเยี่ยม อาจารย์ของเธอจึงให้เธอเป็นผู้สอนแทนอาจารย์ภาษาอังกฤษคนหนึ่งที่งานยุ่งมากในช่วงนี้
แม้หลินชิงเหอจะรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่เธอก็รับงานนี้ นี่เป็นโอกาสอันดีที่เธอจะได้ฝึกฝน จะพลาดได้อย่างไรล่ะ?
เธอจึงเดินไปที่เวทีและเริ่มการเรียนการสอน
อาจารย์ของเธอทำเพียงยืนสังเกตอยู่ด้านหลัง หากเป็นคนอื่นก็จะรู้สึกกดดันไม่น้อย แต่หลินชิงเหอไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิด
สิ่งที่ต้องพูดล้วนได้รับการอธิบาย หากมีคนไม่เข้าใจ พวกเขาก็จะนำมาซักถาม หลินชิงเหอก็จะอ่านผ่าน ๆ ทีละคำถาม ขณะเดียวกันเธอเองก็ได้รับความรู้อย่างอื่นไปด้วย
เธอแนะนำหนังสือที่ไว้อ่านเกี่ยวกับไวยากรณ์และวลีต่าง ๆ ให้นักศึกษาเนื่องจากเวลามีอยู่จำกัด และยังบอกให้พวกเขาไปหาอ่านเอาในห้องสมุด
หลังจบการสอน หลินชิงเหอก็ถูกอาจารย์เรียกเข้าไปในห้องพักอาจารย์
“เธอจะสอนภาษาอังกฤษแทนให้กับชั้นเรียนอื่น ๆ ได้ไหม?” อาจารย์ของเธอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ได้ค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
ดังนั้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป หลินชิงเหอก็จะมีการสอนหนังสือเป็นครั้งคราว
ช่วยไม่ได้นี่นะ อาจารย์ภาษาอังกฤษเป็นหญิงวัยกลางคนแล้ว หล่อนมีอายุครบ 35 ในปีนี้และในที่สุดก็ตั้งครรภ์หลังจากไม่มีบุตรมาหลายปี หล่อนจะไม่รู้สึกยินดีกับเรื่องนี้ได้อย่างไรล่ะ?
และด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตก่อนหน้านี้ ร่างกายของหล่อนจึงทรุดโทรมอย่างมาก ตอนนี้เด็กคนนี้จึงเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งสำหรับหล่อน
เป็นเช่นนี้แล้ว หลินชิงเหอจึงกลายเป็นอาจารย์สอนชั้นเรียนเหล่านี้แทน แต่สอนมาระยะหนึ่งเธอก็ไม่ได้รับการอนุมัติให้เป็นอาจารย์ เธอจึงไม่ได้รับเงินค่าจ้าง
เห็นชัดว่าทางมหาวิทยาลัยกำลังทดสอบเธออยู่ หลินชิงเหอจึงรู้สึกเหมือนเธอจบการศึกษาก่อนกำหนดการที่เธอคาดหวังไว้เสียอีก
หวังลี่อิจฉาอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ยอมรับได้อย่างรวดเร็ว “เธอแน่ใจเหรอว่าจะไม่เรียนต่อหลังจบการศึกษาหรืออะไรพวกนั้น?”
ข้อเสนอแนะนี้เป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง การมีผลการเรียนดีเช่นนี้ หลายคนจึงเลือกที่จะเรียนต่อ
หลินชิงเหอไม่มีแผนที่จะทำแบบนั้น เธอยังคงนั่งอ่านหนังสือ และตอบไปขณะที่ไม่เงยหน้าขึ้น “ฉันอยากทำงานเร็ว ๆ แล้วเพื่อจะได้ขออนุญาตพาสามีกับลูก ๆ มาอยู่ด้วย เธออยากให้ฉันเรียนต่อเหรอ?”
“แค่เสียดายน่ะ” หวังลี่เอ่ยตรง ๆ
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เธอไม่เรียนต่อ แม้แต่อาจารย์ของเธอยังมีความคิดแบบเดียวกัน
แต่ก็ยังเป็นคำกล่าวนั้นที่ว่าการมีวุติการศึกษาเพียงพอก็ถือว่าพอแล้ว หลินชิงเหอไม่มีความทะเยอทะยานสูงขนาดนั้นหรอก
ชีวิตที่เธอใฝ่ฝันก็คือการได้อยู่กับชิงไป๋และซื้อบ้านอีกสักหน่อย เด็ก ๆ ก็จะได้กันคนละหลัง ส่วนพวกเขาสองคนก็เก็บไว้อยู่เอง หลังจากนั้นหากพวกเขาไม่มีเงินแล้วก็อาศัยขายบ้านสักหลัง จากนั้นก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ที่เหลือก็แค่เก็บค่าเช่าบ้าน
ความทะเยอทะยานของเธอมีแค่นี้ การเรียนต่อหลังจบปริญญาตรีหรือหลังปริญญาเอกเป็นเรื่องนอกเหนือจากแผนของเธอ
“สามีของเธอช่างโชคดีจริง ๆ” หวังลี่ยิ้มเมื่อเห็นว่าเธอไม่หวั่นไหวจากหน้าที่การงานอันมั่นคง
“สามีของเธอก็โชคดีเหมือนกัน” หลินชิงเหอยิ้มตอบ
เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ในหอพักแล้ว หวังลี่ก็กระซิบ “หน้าร้อนนี้ฉันได้กลับไปบอกเรื่องนี้กับสามีด้วยล่ะ เขาเห็นด้วยที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในเทศบาลในภายภาคหน้า”
“แน่นอนว่าเขาต้องเห็นด้วย มีเมียอย่างเธอ เขาจะไม่หวงได้ยังไงล่ะ?” หลินชิงเหอบอก
หวังลี่ยิ้มและเอ่ยต่อ “ฉันบอกเขาเกี่ยวกับการทำธุรกิจในอนาคตแล้วล่ะ เขาไม่เห็นด้วย เพราะกลัวว่าจะทำให้ฉันขายหน้าน่ะ”
พูดดังนี้แล้ว หลินชิงเหอก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม “แม่สามีฉันอยากให้สามีของฉันมาเป็นยามเฝ้าประตูมหาวิทยาลัยล่ะ”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?” หวังลี่หัวเราะขำ “งั้นลุงหวังก็มีคู่แข่งเสียแล้วสิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...