ครอบครัวที่อยู่เมืองหลวงไม่รู้เลยว่าผู้เฒ่าทางบ้านกำลังคิดอะไรอยู่
พวกเขาอยู่ดีกินดีอย่างมาก
อย่างเช่นวันนี้โจวข่ายก็นำเงินบางส่วนไปซื้อเป็ดย่างกลับมา ทั้งครอบครัวล้อมวงกันกินเป็ดย่างอย่างเอร็ดอร่อย
หลังกินเสร็จ เฒ่าหวังก็พาเด็กชายทั้งสามออกไปเดินเล่น ส่วนหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ช่วยกันเก็บล้างจาน จากนั้นก็ปิดร้านและพากันออกไปเดินเล่นบนถนน
“ไปซื้อไอศกรีมเถอะค่ะ ฉันสัญญาว่าจะไม่กินเยอะนะคะ” หลินชิงเหอบอก
รอบเดือนของเธอมาพอดี แต่เธอยังคงเอ่ยว่าอยากกินอย่างหนักแน่น หญิงสาวยังคงกล้ากินไอศกรีมทั้งที่รอบเดือนของตัวเองมา ซึ่งเรื่องนี้โจวชิงไป๋ไม่อนุญาต
ดังนั้นต่อให้เธอบอกว่าจะไม่กิน โจวชิงไป๋ก็ไม่ยอมซื้อ เขากลับซื้อแอปเปิลลูกหนึ่งให้เธอกินแทน
“หลายปีต่อมาเราก็น่าจะเป็นเหมือนตอนนี้นะคะ เมื่อเวลานั้นมาถึง ทุกอย่างก็จะไม่มีข้อจำกัด เราจะออกมาเดินเล่นกันทุกวันเลยค่ะ” หลินชิงเหอยิ้ม
โจวชิงไป๋ได้ฟังก็ยิ้มกริ่ม “งั้นพาหลานเรามาด้วยสิ”
“พาหลานที่ไหนมาด้วยคะ? ฉันล้อพวกเขาเล่นต่างหาก ฉันไม่พาลูก ๆ ของพวกเขามาหรอกค่ะ พวกเขาเลี้ยงกันเองได้ เมื่อไหร่ที่ลูกสะใภ้มาเยือนถึงหน้าบ้าน ฉันก็จะอธิบายให้หล่อนฟังอย่างกระจ่าง จากนั้นก็จะให้พี่เลี้ยงที่เชื่อใจได้มาเป็นคนช่วยเลี้ยง” หลินชิงเหอพูด
“ครับ” โจวชิงไป๋พยักหน้า
ชั่วพริบตาเดียวก็เป็นเดือนตุลาคม แค่ครึ่งเดือนที่ผ่านมาหลินชิงเหอก็ได้ซื้อร้านค้าอีกร้านหลังจากซื้อบ้านที่มีสวนด้านหน้าไปไม่นาน
ร้านค้าแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก คิดเป็นพื้นที่เพียง 50 ถึง 60 ตารางเมตร มันไม่ใช่ร้านที่มีส่วนอาศัยในตัวเหมือนกับร้านเกี๊ยวที่มีชั้นสองเป็นที่พักของเจ้าบ้าน
แต่เป็นเพราะมันตั้งอยู่ในทำเลที่ดีไม่น้อย ทำให้หลินชิงเหอจ่ายเงินซื้อไป 2,000 หยวน ขณะที่ตอนซื้อร้านเกี๊ยวเมื่อก่อนหน้าเธอซื้อไป 3,000 หยวนเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นหลินชิงเหอก็ยังซื้อมันอย่างไม่ลังเล
แต่สิ่งที่หลินชิงเหอหมายตาไว้คือเรือนสี่ประสาน เธอไม่กล้าหมายตาเรือนสี่ประสานครบทั้งสามวงรวมลานบ้านหรอก เธอคิดแค่ว่าได้ซื้อเรือนสี่ประสานแค่หนึ่งวงหรือสองวงก็ยังดี
ติดที่ว่าไม่มีใครขายมันเลย
อย่างนั้นก็ไม่ต้องรีบ คงมีคนบางคนขายอยู่ล่ะ เพียงแค่ต้องรอเวลาเท่านั้น
หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋เดินเล่นไปรอบ ๆ แล้วเธอก็ถามเขาขึ้นมา “คุณเห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นไหมคะระหว่างตอนนี้กับตอนต้นปี?”
“กฎระเบียบดูผ่อนคลายมากขึ้นนะ” โจวชิงไป๋เอ่ย
เมื่อพวกเขามาถึงครั้งแรกในตอนต้นปี เขาก็สัมผัสได้ถึงกฎระเบียบข้อห้ามเล็กน้อย แต่ในปีนี้เขากลับเห็นคนใส่กระโปรงเดินบนท้องถนนเป็นจำนวนมาก
แถมในนั้นยังมีกระโปรงที่ใช้ผ้านำเข้าจากแบรนด์ Ross ซึ่งดูล้ำสมัยและสวยงามมาก
ไม่ได้มีแค่หนึ่งหรือสองคนที่สวมกระโปรงแบบนี้ ตลอดช่วงระยะเวลาที่อยู่บนถนนก็จะเจอกับคนใส่กระโปรงเป็นจำนวนหนึ่งเลยทีเดียว เทียบกับต้นปีที่ยังมีจำนวนน้อยมาก
เห็นได้ว่าปีนี้มีความเปลี่ยนแปลงไม่น้อยเลย
หลินชิงเหอยิ้ม พวกเขาเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วเป็นเวลาครู่ใหญ่ก่อนจะกลับบ้าน
ก่อนที่เด็ก ๆ จะกลับมา หลินชิงเหอก็เข้าห้องอาบน้ำไปขัดถูตัว
“ถ้าอนาคตเราได้ย้ายบ้าน เราต้องสร้างห้องน้ำไว้แล้วล่ะค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยหลังอาบน้ำเสร็จ
“แล้วเมื่อไหร่ถึงจะมีบ้านที่คุณเคยบอกเหรอครับ?” โจวชิงไป๋ถาม
แม้คำถามจะไม่ชัดเจน แต่หลินชิงเหอก็เข้าใจได้ว่าชิงไป๋ของเธอกำลังหมายถึงบ้านจัดสรร
“ในตอนนี้ยังไม่มีหรอกค่ะ ต้องรอไปก่อน” หลินชิงเหอบอก
ทั้งคู่นั่งดูทีวีด้วยกันและรับลมจากพัดลมไปด้วย จนกระทั่งถึงสองทุ่มเด็กชายทั้งสามก็กลับมา
“รีบทำการบ้านกันเร็ว” หลินชิงเหอไล่
ลูกชายคนเล็กสองคนกลับเข้าห้องไปทำการบ้าน ส่วนโจวข่ายไม่ต้องทำเพราะเขาอยู่ระดับมหาวิทยาลัยแล้ว หลินชิงเหอจึงปล่อยให้เขาทำอะไรได้ตามชอบ
“ม้า มะรืนนี้เราจะไปซื้อของกับคุณตาทูนหัวนะครับ” โจวข่ายบอก
“ลูกมีเงินบ้างไหมล่ะ?” หลินชิงเหอพยักหน้าถาม
“ให้ผมเพิ่มอีก 10 หยวนสิครับ” โจวข่ายบอก
“งั้นก็ไปขอจากป๊าแล้วกัน” หลินชิงเหอเอ่ยโยนให้โจวชิงไป๋
โจวชิงไป๋ที่นั่งดูทีวีอยู่ก็ส่งเสียงตอบ “ไปหยิบเอาที่ตู้เลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...