จากนั้นหลินชิงเหอก็ได้ยินท่านแม่โจวพูดถึงเรื่องนี้ในทันที
ปีนี้ไม่ใช่ว่าระบบธุรกิจในครัวเรือนได้เข้ามาแทนที่หรอกหรือ? ทุกคนต่างทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองและไม่ได้ทำงานด้วยกันอีกต่อไป
น้องชายสามตระกูลหลินทำงานในหลายพื้นที่ปลูก สำหรับคนขยันทำงานอย่างเขาแล้วเขาก็ทำได้มาก แต่เขากลับลดปริมาณลงเหลือครึ่งหนึ่ง
เขาทำงานในที่นาเพียงครึ่งหนึ่งจากจำนวนเดิมที่วางแผนเอาไว้
ในเมื่อที่ดินถูกจัดสรรและปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวไปแล้ว น้องชายสามตระกูลหลินจึงได้ทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปกับธุรกิจของเขา
ในตอนแรกเขาเก็บไข่จากบ้านอื่นไปขายและรับเงินน้อยนิดเป็นค่าคนกลาง แต่หลังจากฤดูหนาวมาเยือน เขาก็หยุดรับไข่ไปขาย
ทำไมน่ะเหรอ? เพราะมันมีหิมะน่ะสิ ซึ่งลื่นได้ง่ายมาก หากเกิดความสูญเสียขึ้นเขาจะกลายเป็นคนต้องรับผิดชอบ
เมื่อไม่ได้รับไข่ไปขายแล้ว น้องชายสามตระกูลหลินจึงเปลี่ยนเป็นรับไก่เป็น ๆ ไปขายแทน
เขาขนตาชั่งและขี่จักรยานที่ซื้อมาจากพี่สาวปั่นตระเวนไปทั่วทั้งชนบท และได้กำไรดีมาก
ไก่ตัวหนึ่งมีราคาประมาณ 1 หยวน เขาสามารถทำกำไรได้เกือบ 2 เหมาหากขนมันเข้าไปในเมือง
เป็นเพราะเรื่องนี้เอง น้องชายสามตระกูลหลินจึงมีแรงกระตุ้น
เมื่อถึงตอนเย็นเขาก็สามารถจับไก่ไปได้อย่างมาก 10 ตัว จำนวนน้อยที่สุดคือ 5 หรือ 6 ตัว เมื่อขนไก่พวกนี้เข้าเมืองแล้ว เขาก็จะได้เงิน
ไม่ใช่แค่นั้น ปีนี้เขายังซื้อถั่วเหลืองกับถั่วเขียวจำนวนมากจากชาวบ้านด้วย เขาเก็บมันเพื่อจะมาเพาะเป็นถั่วงอก
การเพาะถั่วงอกทำกำไรอย่างมาก ไม่มีใครเชื่อในเรื่องนี้แน่ ถั่วงอกจำนวนน้อยนิดที่รวบรวมได้ใน 1 เดือนสามารถทำเงินได้เกือบ 50 ถีง 60 หยวนทีเดียว
แถมยังมีรายได้จากการขายไก่ด้วย
ต้องบอกว่าตั้งแต่ต้นฤดูหนาวปีนี้ น้องชายสามตระกูลหลินนับว่ามีโชคจริง ๆ
แน่นอนว่าหลินชิงเหอไม่รู้เรื่องพวกนี้ วันต่อมาเธอก็พบกับน้องชาย
ในครั้งนี้หลินชิงเหอรู้ว่าการทำธุรกิจแบบนั้นจะทำเงินได้มาก แต่ดูน้องชายสามตระกูลหลินสิ คนอื่นมองก็ไม่มีทางบอกได้เลยว่าเขาค้าขายทำกำไรได้
เขาสวมเสื้อกันหนาวตัวเก่าคร่ำคร่า
เขามาหาในทันทีที่รวบรวมไก่ได้ ซึ่งวันนี้เขารวบรวมไก่ได้เป็นจำนวนมาก ไก่สองสุ่มคิดเป็นไก่นับสิบ ๆ ตัว
“พี่สาว พี่เขย” น้องชายสามตระกูลหลินรู้สึกยินดีปรีดาที่ได้เจอ
“นายใส่เสื้อกันหนาวตัวนี้มากี่ปีแล้วเนี่ย? ยังไม่ซื้อตัวใหม่มาใส่อีกเหรอ?” หลินชิงเหออดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นน้องชายเป็นแบบนี้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมใส่แค่นี้ก็กันหนาวพอแล้ว ไม่ต้องใส่อะไรให้มากมายหรอกครับ” น้องชายสามตระกูลหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“นายจะแข็งตายพอดีน่ะสิ” หลินชิงเหอบอกเขา
เธอเทน้ำอุ่นถังหนึ่งและยื่นผ้าเช็ดตัวให้เขาล้างหน้า น้องชายสามตระกูลหลินรู้ว่าพี่สาวเป็นห่วงจึงยอมเชื่อฟัง
หลังล้างหน้าเสร็จหลินชิงเหอก็หยิบครีมทาหน้าให้เขาทาบำรุงและเอ่ยขึ้น “พี่ซื้อครีมทาหน้ามาเยอะเลย นายเอากระปุกนี้กลับไปแล้วกัน ทุกวันเวลานายออกไปข้างนอกก็ทาซะนะ นายอ่อนอายุกว่าพี่แค่ปีเดียวแต่กลับดูแก่กว่าพี่เขยอีก”
น้องชายสามตระกูลหลินทำเพียงอมยิ้ม
“เอาล่ะ นายพาพี่เขยไปขายเป็ดกับไก่ก่อน หลังจากกลับมาแล้วก็มากินอาหารกลางวันที่นี่ พี่แบ่งเป็ดย่างไว้ให้นายแล้วตัวหนึ่ง นายก็เอากลับไปให้หลานสาวของพี่กินด้วยล่ะ” หลินชิงเหอพูด
“ครับ” น้องชายสามตระกูลหลินตอบและออกจากบ้านไปกับพี่เขย
คราวนี้เป็นวันที่ยี่สิบหก ใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นไก่กับเป็ดของโจวชิงไป๋หรือไก่และถั่วงอกของน้องชายสามตระกูลหลิน ทุกอย่างก็ถูกขายหมดไวมาก
ทั้งสองกลับมาที่บ้านในตอนเที่ยง
หลินชิงเหอ ท่านพ่อโจว และท่านแม่โจวกินข้าวกันเสร็จแล้ว เธอจึงปรุงบะหมี่น้ำไก่ให้พวกเขากินก่อนจะมานั่งคุยกัน
“พี่ครับ ฝีมือทำอาหารของพี่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน” น้องชายสามตระกูลหลินเอ่ยอย่างพอใจหลังกินจนพุงกาง
“ให้เมียนายใส่ใจกับการทำอาหารอีกหน่อยแล้วหล่อนก็จะทำอาหารอร่อย ๆ ให้นายกินได้เอง” หลินชิงเหอตอบ
หลังทำความสะอาดโต๊ะเสร็จ เธอก็ให้โจวชิงไป๋เป็นคนล้างจานชาม ส่วนเธอนั่งลงและถามต่อ “ทีนี้นายคิดออกหรือยังล่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...