สะใภ้สามตระกูลหลินเก็บของทุกอย่างเข้าที่
พี่สาวสามนำแต่ของดี ๆ มาให้เป็นจำนวนมากจริง ๆ
“ทำไมถึงมีผ้าเช็ดตัวแล้วก็ครีมบำรุงหน้าด้วยล่ะคะ?” สะใภ้สามตระกูลหลินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น
“พี่ผมให้ผมใช้ตอนที่ไปหาหล่อนที่บ้านน่ะ” น้องชายสามตระกูลหลินบอก
“ช่างประจวบเหมาะเลยค่ะ ผ้าเช็ดตัวคุณขาดวิ่นอยู่พอดี” สะใภ้สามตระกูลหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หลังเก็บของเข้าที่และแบ่งลูกกวาดให้เด็ก ๆ แล้ว ทั้งคู่ก็เข้าไปในห้องนอน
น้องชายสามตระกูลหลินสร้างห้องอิฐอีกห้องหนึ่งให้เด็ก ๆ แล้ว ตอนนี้ทั้งคู่จึงมีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเอง
เขาเข้าไปในห้องและบอกภรรยาในเรื่องที่พี่สาวให้เปิดร้านสะดวกซื้อ
ก่อนหน้านั้นน้องชายสามตระกูลหลินก็คิดเรื่องนี้ไว้นานแล้ว เขารู้สึกว่าเขาสามารถทำธุรกิจเล็ก ๆ แบบนี้ได้
การนำของบางอย่างมาจากตัวอำเภอเพื่อมาขายที่หมู่บ้านนับว่าเป็นเรื่องสะดวกอยู่ถูกไหม? หากทำได้มันก็จะได้เงินด้วย
“ถ้าเอามาขายที่ชนบทนี่เราจะได้เงินสักเท่าไหร่คะ?” สะใภ้สามตระกูลหลินถาม
“ได้สักหลายหยวนต่อเดือนอยู่ล่ะ” น้องชายสามตระกูลหลินตอบ “แต่ถ้าคุณไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนะครับ”
“หลายหยวนต่อเดือนเลยเหรอคะ?” สะใภ้สามตระกูลหลินถามอย่างประหลาดใจ
“ใช่แล้วล่ะ” น้องชายสามตระกูลหลินบอกจุดประมาณการณ์ต่ำสุด เนื่องจากเขาทำธุรกิจมานานจึงมีความรู้ความเข้าใจเรื่องผลตอบแทนค่อนข้างดี
“เอาล่ะ ฉันต้องไปที่ทุ่งนาแล้วค่ะ จะได้รวบรวมสาว ๆ มาขายของได้” สะใภ้สามตระกูลหลินบอก
หล่อนเองก็ไม่ได้อยู่ว่าง ๆ เช่นกัน ยังคงต้องไปทำงานในทุ่งนาอยู่ แม้ว่าทางครอบครัวจะได้ส่วนแบ่งพื้นที่ไม่มากนักเพียงแค่ 6 ไร่ แต่นั่นก็ต้องใช้แรงงานมหาศาล
น้องชายสามตระกูลหลินพยักหน้า เขาพยายามจะลองดูในปีหน้า
“พี่สาวสามพูดอะไรเกี่ยวกับธุรกิจของคุณอีกไหมคะ?” สะใภ้สามตระกูลหลินถามรัวเร็ว
นี่คือจุดสำคัญที่สุด ต้องบอกได้ว่าเมื่อต้นปีนี้หล่อนไม่ได้จำใส่ใจกับคำพูดของพี่สาวสามนัก เมื่อฟังแล้วก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจและไม่กล้าปล่อยให้สามีของตนลองเสี่ยงดู
แต่หลังจากปีนี้ทั้งปีแล้ว สะใภ้สามตระกูลหลินก็ได้ลิ้มรสความหวาน
แค่ปีนี้ปีเดียวทั้งครอบครัวของหล่อนก็เก็บเงินได้มากเท่าใดแล้ว? ราว ๆ 600 หยวนเชียวนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุดสองเดือนที่ผ่านมานี้ ซึ่งทุกเดือนจะมีรายได้เข้ามาราว ๆ 100 หยวน
เงินจำนวนนี้นับว่ามากขนาดไหนล่ะ?
สะใภ้สามตระกูลหลินยังหวังจะทำงานนี้อยู่ หล่อนไม่อยากให้กิจการจบลงเพียงเท่านี้
“พี่ผมบอกว่าไม่มีปัญหาหรอก ปีหน้าผมสามารถนำผักผลไม้ไปขายได้” น้องชายสามตระกูลหลินพยักหน้า จากนั้นก็หยิบถุงเท้าทั้งสองคู่ออกมา “คุณไปเติมน้ำใส่อ่างให้ผมหน่อย ผมจะล้างเท้าแล้วลองใส่ถุงเท้านี่ดู”
สะใภ้สามตระกูลหลินยิ้มก่อนไปตักน้ำร้อนมาให้สามีล้างเท้า หลังล้างเท้าจนสะอาดแล้วเขาก็สวมถุงเท้าคู่ใหม่ จากนั้นก็เผยสีหน้าพึงพอใจออกมา
“พี่สาวสามรักคุณจริง ๆ นะคะ” สะใภ้สามตระกูลหลินเอ่ยขึ้น
ทุกปีที่เธอกลับมา เธอก็ไม่ลืมส่งเป็ดย่างมาให้ ซึ่งของแบบนี้มีเฉพาะในเมืองหลวงเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีลูกกวาด พุทราจีน และอื่น ๆ โดยเฉพาะนมผงรสมอลต์หายากโหลนั้น
น้องชายสามตระกูลหลินยิ้มรับ “ปีนี้เราไปอวยพรวันปีใหม่ที่บ้านพี่ผมกันนะ”
“นั่นต้องทำอยู่แล้วล่ะค่ะ” สะใภ้รองตระกูลหลินพยักหน้า
ส่วนทางด้านหลินชิงเหอก็ยังคงสนทนากับโจวชิงไป๋ “ปีนี้เขาหาเงินได้เยอะทีเดียว แต่เขาก็ยังดำเนินชีวิตแบบมัธยัสถ์ขนาดนั้นอยู่”
โจวชิงไป๋จึงบอกตามความเป็นจริง “เป็นแบบนี้ทุกที่แหละครับ”
นอกจากภรรยาของเขาที่มีวิถีชีวิตเป็นแบบคนรุ่นหลังแล้ว คนอื่น ๆ ก็ไม่มีวิถีชีวิตแตกต่างกันมากนัก
เห็นชัดว่าโจวชิงไป๋ชอบวิถีชีวิตและทัศนคติของภรรยามาก บางที…อาจเป็นเพราะได้รับการอบรมจากภรรยามา
หลินชิงเหอเอ่ยต่อ “ครั้งนี้ไม่มีอีกแล้วนะคะ ครั้งหน้าฉันจะเอาเสื้อกันหนาวไปให้เขา เขาทนความเย็นระดับนั้นอยู่ได้ยังไงกัน”
“ย่าไม่รู้นะว่าในอนาคตพวกหนูจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยกันได้หรือเปล่า” ท่านแม่โจวเอ่ย
อู่นีกับโจวหยางพลันรู้สึกเครียดอย่างมาก พวกเขามองหน้ากันและจมอยู่กับโจทย์คำถาม
“ฤดูร้อนหน้าพวกอาคงจะไม่มีเวลากลับมาที่นี่แล้วล่ะ หนูสองคนอยากจะมาเยี่ยมที่เมืองหลวงช่วงวันหยุดไหม? เจ้ารองจะได้สอนพิเศษให้ได้” หลินชิงเหอถาม
เจ้ารองจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีหน้า ส่วนเจ้าใหญ่นั้นถึงเวลาเรียนจบแล้ว และเขาต้องไปรายงานตัวล่วงหน้ากับทางโรงเรียนเตรียมทหาร จึงแทบจะไม่มีวันว่างในช่วงวันหยุดฤดูร้อน
“เราไปได้เหรอครับ/คะ?” ทั้งโจวหยางกับอู่นีทำตาโต
สถานที่อย่างเมืองหลวงเป็นที่ที่พวกเขาใฝ่ฝันมานาน แล้วทำไมพวกเขาถึงจะไม่อยากไปที่นั่นล่ะ?
“ไปขอพ่อแม่พวกหนูก่อนนะ ถ้าหากพวกเขาไม่คัดค้านอะไรทางฝั่งอาก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน แต่เมื่อไปถึงที่นั่นแล้วพวกหนูต้องขยันเรียนด้วยนะ” หลินชิงเหอบอก
เป็นเรื่องดีที่จะปล่อยให้เด็กสองคนนี้ได้รับประสบการณ์บ้าง หากมีวิสัยทัศน์กว้างไกลขึ้นก็จะมีความคิดพัฒนาขึ้น พวกเขาจะมีสายตาที่มองการณ์ไกลกว่าเดิม
“ถ้ากลับไปถึงบ้านแล้วหนูจะไปถามแม่นะคะ” อู่นีตอบในทันที
“ผมด้วย” โจวหยางเอ่ยตามอย่างเร็วรี่
“อาสะใภ้สี่ พวกเขาสองคนได้ไปแล้ว หนูเองก็อยากไปด้วยค่ะ” โจวลิ่วนีเดินเข้ามาในบ้านและเอ่ยขึ้น
ขณะที่ในใจหล่อนคิดว่าช่างโชคดีนักที่หล่อนมา หากอาสะใภ้สี่ผู้ลำเอียงจะดูแลแค่คนอื่น ๆ โดยไม่ดูแลหล่อนเลย
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
น้องชายสามอนาคตไกลแล้วค่ะ เชื่อพี่สาวแล้วจะไม่จนนะคะ
ลิ่วนีก็…อาสะใภ้สี่เค้าอยากให้ไปแค่สองคน หนูจะอยากไปด้วยทำไมล่ะคะ ถ้าบอกว่าอยากไปช่วยงานร้านเกี๊ยวล่ะก็ ขนาดงานบ้านตัวเองหนูยังไม่ทำเลย ไปแล้วจะไปทำประโยชน์อะไรให้เขาล่ะลูกกก
ไหหม่า(海馬)
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...