หลินชิงเหอยังไม่รู้ถึงแผนการของสะใภ้คนนี้
วันนี้เธอทำซาลาเปาไส้เนื้อไว้เป็นจำนวนมาก มีซาลาเปาไส้หมูกับกะหล่ำปลี ซาลาเปาไส้หมูกับผักดอง และซาลาเปาไส้หมูย่าง
แล้วหลินชิงเหอก็บอกท่านแม่โจวเกี่ยวกับเรื่องซาลาเปา
“ชิงไป๋กับฉันลองกินซาลาเปาที่น้องเขยเล็กทำแล้วค่ะ รสชาติอร่อยเลิศมาก ฉันก็เลยคิดว่าถ้าพวกเขาเต็มใจ พวกเขาสามารถไปเปิดร้านขายที่เมืองหลวงได้เลยนะคะ” หลินชิงเหอบอก
หลินชิงเหอไม่เคยพูดเรื่องที่ตัวเองเป็นคนแนะนำความคิดเปิดร้านซาลาเปาแก่โจวเสี่ยวเหมยกับซูต้าหลินให้ท่านแม่โจวฟังมาก่อน
ท่านแม่โจวจึงดีใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้
ที่จริงแล้วนางไม่มีความคิดอะไรอย่างอื่นเลย ลูกชายคนสุดท้องเปิดร้านเกี๊ยวอยู่ที่เมืองหลวง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นครอบครัวเดียว หากเกิดอะไรขึ้นมาก็ไม่มีใครช่วยเหลือเกื้อกูลได้
ไม่ใช่ว่าครอบครัวสายเดียวนี้ต้องเป็นผู้แบกรับทุกความลำบากหรือ?
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมนางถึงอยากแนะนำให้คนในครอบครัวของนางไปด้วย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าจะมีแรงงานคนคอยช่วยเหลือมากขึ้น
และหญิงชราผู้นี้ก็ไม่เคยคิดเลยว่าถ้าโจวลิ่วนีไปที่นั่น หล่อนก็ไม่สามารถแบ่งเบาภาระได้มากนัก แถมยังจะทำลายสิ่งต่าง ๆ อีกด้วย
หลังตัดคนอื่น ๆ ไปแล้ว นางก็สนใจในเรื่องที่แนะนำลูกเขยให้เป็นฝ่ายไปที่นั่น “เมื่อไปถึงนั่นแล้ว กิจการร้านซาลาเปาจะขายดีหรือเปล่าล่ะ?”
“ซาลาเปาในระดับที่น้องเขยทำขายได้ไม่เลวอยู่แล้วล่ะค่ะ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือในอนาคตเขาจะจัดการร้านยังไงมากกว่า การเปิดร้านก็เหมือนกับการจัดการความสัมพันธ์ และอีกอย่างหนึ่งก็ต้องดูว่าคน ๆ นั้นโชคดีหรือเปล่าด้วย” หลินชิงเหอตอบ
พ่อครัวทุกคนใช่ว่าจะเปิดภัตตาคารเองได้ เรื่องนี้อธิบายทุกอย่างอยู่แล้ว การทำธุรกิจไม่ใช่ว่าพูดประโยคเดียวแล้วจะทำได้
“เมื่อพวกเขาไปที่นั่นแล้ว เรื่องการศึกษาของเด็ก ๆ ก็คงจะเป็นปัญหาล่ะ” ท่านแม่โจวเอ่ยต่อ
“เรื่องการศึกษาฉันยังพอมีอำนาจอยู่บ้างค่ะ สามารถจัดหาโรงเรียนให้พวกเขาได้อยู่” หลินชิงเหอตอบ
การศึกษาของเด็ก ๆ ไม่ใช่ปัญหา แต่คำถามก็คือซูต้าหลินมีความกล้ามากพอที่จะทิ้งงานประจำรายได้สูงที่ทำอยู่ตอนนี้ไหม
เรื่องนี้ต้องใช้ความกล้าอย่างมากทีเดียว
ตอนนี้เงินเดือนของซูต้าหลินมีมากกว่า 60 หยวนนแล้ว เงินเดือนของหลินชิงเหอก็อยู่ในระดับนี้เช่นกัน แม้ในปีหน้าเงินเดือนจะเพิ่มขึ้นอีก แต่คุณวุฒิของเธอก็ยังต่ำอยู่ไม่น้อย อาจารย์ที่มีคุณวุฒิระดับสูงสามารถมีเงินเดือนได้มากกว่า 100 หยวนเลยทีเดียว
แต่ในเมืองแบบนี้ รายได้ที่ซูต้าหลินได้จึงนับว่าดีไม่น้อย
ดังนั้นหากซูต้าหลินมีความกล้าที่จะละทิ้งงานนี้และมุ่งหน้าไปตั้งตัวที่เมืองหลวง มันจะต้องใช้การตัดสินใจอย่างใหญ่หลวงแน่
แม้หลินชิงเหอจะรู้ดีว่าซูต้าหลินไม่เคยเสียใจที่จะไปเมืองหลวงเพื่อหาความเจริญก้าวหน้าหากว่าไปถึงที่นั่น แต่เธอเป็นคนที่รู้ทิศทางในอนาคต ทว่าซูต้าหลินนั้นไม่รู้
เธอไม่อาจใช้มาตรฐานของตัวเองในการบงการคนอื่นได้
แต่ถ้าซูต้าหลินกับโจวเสี่ยวเหมยไปเมืองหลวงจริง เป็นแบบนั้นเธอก็จะช่วยเหลืออย่างแน่นอน โดยที่เป็นคนคอยหาร้านค้าและที่อยู่อาศัยให้
“แต่เรื่องทะเบียนบ้านเป็นปัญหาที่แท้จริงน่ะค่ะ ถ้าพวกเขาอยู่ที่นั่นนาน ๆ อนาคตพวกเขาจะซื้อบ้านที่นั่นได้ หากมันลงตัวแล้วก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้น” หลินชิงเหอบอก
ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำการย้ายทะเบียนบ้าน
เธอย้ายง่ายเพราะว่าได้สิทธิ์ทองในการรับเข้าทำงานจากทางมหาวิทยาลัยปักกิ่ง แต่คนอื่น ๆ คงทำได้เพียงเสี่ยงดูสินะ?
ขนาดลูกชายคนเล็กของคุณป้าหม่าก็ยังต้องลำบากตลอดทั้งปีและยังไม่ได้ทำเรื่องย้ายทะเบียนบ้านกลับมา
“ทางมหาวิทยาลัยช่วยเรื่องนี้ไม่ได้เหรอ?” ท่านแม่โจวถาม
“ถ้าพวกเขาช่วยได้จะให้คุณแม่มาช่วยพูดเหรอคะ? ฉันมีความสัมพันธ์แบบไหนกับเสี่ยวเหมยกันล่ะคะ” หลินชิงเหอหัวเราะ
ท่านแม่โจวรู้ดีในเรื่องนี้ นางจึงเอ่ยกลับ “งั้นก็ไม่เป็นไรถ้าพวกเขายังย้ายทะเบียนบ้านไม่ได้ชั่วคราว ต้องลองไปที่นั่นดูก่อนว่าลงตัวหรือเปล่า”
หากพวกเขาไม่คุ้นเคยกับที่นั่น จะกลับมาอยู่ที่นี่ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็มีทางออกอยู่บ้าง
หลินชิงเหอทำเพียงยิ้ม
ชั่วพริบตาเดียววันสิ้นปีก็มาถึง ปีนี้งานเลี้ยงอาหารเย็นมีหลินชิงเหอ โจวชิงไป๋ ท่านพ่อโจว และท่านแม่โจว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...