การสำเร็จการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยถือว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์หนึ่งในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิธีจบการศึกษาของนักศึกษารุ่นแรกของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง หลินชิงเหอจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
เธอได้เชิญช่างภาพมาถ่ายรูปให้ด้วย
โจวชิงไป๋ไม่ได้เปิดร้านหนึ่งวัน เขาติดประกาศสีแดงไว้ที่หน้าประตูเพื่อแจ้งว่าวันนี้ปิดร้าน
ทั้งครอบครัวต่างไปร่วมงานฉลองนี้ด้วยกัน
ในงานรับปริญญาพวกเขาถ่ายรูปไว้มากมาย เฉพาะรูปเดี่ยวของโจวข่ายมี 7 ถึง 8 รูป ส่วนที่เหลือก็เป็นรูปหมู่
โดยรวมแล้วมันเป็นวันที่รื่นเริงวันหนึ่ง จากนั้นก็สิ้นสุดลง
3 วันหลังพิธีจบการศึกษา โจวข่ายได้เดินทางไปรายงานตัวที่โรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งนั่นหมายถึงว่าเขาได้เริ่มต้นบทบาทใหม่ในชีวิตของตนเอง
ในขณะที่หลินชิงเหอจัดเรียงรูปถ่ายอยู่ที่บ้าน
รูปถ่ายทั้งหลายได้ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี แม้แต่รูปของโจวกุยหลายตอนใส่ผ้าอ้อมก็ยังมีอยู่
หลินชิงเหอมองดูรูปของเจ้าใหญ่ตอนที่เขายังเป็นเด็กและกล่าวกับโจวชิงไป๋ว่า “พริบตาเดียวเขาก็ไปเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ด้วยตัวคนเดียวแล้วนะคะ”
นี่ถือได้ว่าเจ้าใหญ่ได้โผบินออกไปแล้วอย่างแท้จริง
ไม่นับรวมก่อนหน้านี้ที่เขาไปเรียนโรงเรียนมัธยมปลายในตัวอำเภอ แต่ตอนนี้เขาได้เริ่มต้นเดินตามเส้นทางของตัวเองแล้วจริง ๆ
โจวชิงไป๋กล่าวว่า “เขาโตแล้วนะครับ”
หลินชิงเหอได้แต่ถอนหายใจออกมา แต่เธอก็ยังคงมีความสุขมากที่ลูกชายของเธอเติบโตขึ้น
เมื่อโจวกุยหลายกลับมาพร้อมกับหู่จือ พวกเขาก็ได้เห็นภาพถ่ายเหล่านี้ ทั้งคู่จึงเข้ามามุงดูรูปภาพด้วยกัน
“น้าสะใภ้ครับ พี่ข่ายกับคนอื่นมีรูปถ่ายตั้งแต่ตอนที่ยังเด็กขนาดนี้เลยหรือครับ?” หู่จือพูดอย่างประหลาดใจ
“ทุก ๆ ปีอาสะใภ้สี่จะพาเสี่ยวข่ายกับคนอื่นไปถ่ายรูปที่ในเมืองน่ะ” โจวเอ้อร์นีบอก
เธอรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี โดยปกติแล้วจะไปถ่ายรูปทุกปีไม่มีเว้น แต่ถึงแม้จะมีปีไหนจะไปไม่ได้ คุณอาสะใภ้สี่ก็จะหาเวลาไปถ่ายรูปในภายหลังอยู่ดี
ดังนั้นจึงมีรูปถ่ายของทุกปี
“เยี่ยมไปเลยค่ะ” สวี่เชิ่งเหม่ยรู้สึกอิจฉา
หล่อนรู้สึกว่าคุณน้าสะใภ้ของหล่อนรู้จักวิธีใช้ชีวิต หล่อนเคยได้ยินมาก่อนว่าคุณน้าสะใภ้ไม่รู้ว่าควรจะใช้ชีวิตอย่างไร แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าวิธีในแบบของคุณน้าสะใภ้คือการใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น
ดูรูปถ่ายพวกนี้สิมันล้ำค่ามากขนาดไหน?
“พวกเธอมาดูกันได้นะ เจ้าสาม หลังจากที่ดูเสร็จแล้วเอาไปเก็บไว้ในห้องของแม่ด้วย” หลินชิงเหอโบกมือ
เธอออกไปหาหวังลี่
สามีของหวังลี่ยังไม่สามารถมาที่นี่ได้เนื่องจากตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตของฤดูร้อน เขายุ่งมากเสียจนไม่สามารถปลีกตัวมาได้เลย
“เขาโทรมาบอกให้ฉันรอเขาอีกประมาณ 2-3 วันน่ะจ้ะ” หวังลี่บอกด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นก็รออีกสัก 2-3 วัน ถ้าเธอกลับไปตามลำพังฉันจะยิ่งเป็นห่วง” หลินชิงเหอกล่าว
2-3 วันต่อมา หลี่ป๋อชวนสามีที่คล้ายกับหมีดำของหวังลี่ก็เดินทางมาถึง
ซึ่งหวังลี่เล่าเรื่องให้หลินชิงเหอฟังในภายหลัง
หล่อนเล่าว่าเมื่อหลี่ป๋อชวนมาถึงที่มหาวิทยาลัยแล้ว เขาถึงกับตกตะลึงไปเลยเมื่อมองเห็นท้องของหล่อนตอนที่หล่อนเดินออกมาหา
ตั้งแต่ต้นจนจบ หวังลี่ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องที่หล่อนตั้งครรภ์ระหว่างช่วงปีใหม่ให้สามีของหล่อนฟังเลย
อย่างไรก็ตาม หลี่ป๋อชวนดูจะรู้อยู่แก่ใจดี เขานึกได้เกือบจะในทันทีว่าใครเป็นคนที่ทำให้ท้องของภรรยาเขาขยายใหญ่ขึ้น
รอยยิ้มไม่เลือนออกไปจากใบหน้าของเขาเลย เขาคงจะยิ้มอย่างสดใสมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
หวังลี่แกล้งแหย่เขาด้วยซ้ำไปว่าเด็กเป็นของคนอื่นไม่ใช่ของเขาและให้เตรียมตัวหย่ากัน
หลี่ป๋อชวนยิ่งยิ้มหน้าระรื่นมากขึ้น “ท้องจากคืนนั้นตอนช่วงปีใหม่ใช่ไหมครับ?”
เขารู้ดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอย่างไร หล่อนมีเขาและลูกชายของพวกเขาอยู่ในหัวใจหรือไม่เขาย่อมรู้ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...