อาหารกล่องบนรถไฟมี 3 แบบ
มีแบบธรรมดา แบบที่มีไข่ลวก และแบบพิเศษที่มีน่องไก่
แต่ละแบบจะมีราคาต่างกัน
หลินชิงเหอเลือกแบบพิเศษให้กับทุกคน แต่สำหรับของตัวเองเธอเลือกแบบที่มีไข่ลวกซึ่งก็กินไปได้แค่ไม่กี่คำเท่านั้น แม้แต่ไข่ลวกเธอก็ยกให้โจวชิงไป๋กิน ในมิติของเธอก็ยังมีไข่ต้มอยู่ เธอสามารถกินของจากในนั้นได้
“พี่สะใภ้สี่ทำไมกินน้อยจังเลยคะ?” โจวเสี่ยวเหมยนั้นเจริญอาหารมาก หล่อนไม่เคยกินอาหารกล่องบนรถไฟมาก่อนและรู้สึกว่ามันอร่อยดีจึงกินเรียบหมดทุกอย่าง
“พี่ไม่ค่อยอยากอาหารน่ะจ้ะ” หลินชิงเหอตอบ
“เธอต้องกินให้มากกว่านี้จะได้รองท้องเอาไว้จนถึงเมืองหลวง” เนื่องจากอาหารบนรถไฟนั้นสดใหม่และอร่อยจึงถูกใจท่านแม่โจวมาก
นางเมารถมาตลอดทางที่นั่งอยู่บนรถโดยสาร แต่ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันชินแล้ว” หลินชิงเหอพูด
“พี่สะใภ้สี่ พอไปถึงเมืองหลวงแล้วเราจะจ่ายเงินให้นะคะ”
“เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถอะ” หลินชิงเหอไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากกินเสร็จ เธอก็หยิบแอปเปิล 2-3 ผลออกมาจากกระเป๋า และแบ่งให้ทุกคนคนละครึ่งผล
“พี่สะใภ้สี่คะ พี่ซื้อแอปเปิลพวกนี้มาตอนไหนคะ?” โจวเสี่ยวเหมยสงสัย
“รถไฟแวะจอดตอนเธอยังหลับอยู่ พี่เห็นมีคนแก่มาขายอยู่ด้านนอกก็เลยวิ่งออกไปซื้อมาน่ะ” หลินชิงเหอบอก
เมื่อบอกไปอย่างนั้นแล้วเธอจึงหยิบแอปเปิลออกมาจากกระเป๋าอีก 5-6 ผล รวมทั้งมะเขือเทศและแตงกวาด้วย ส่วนแตงโมและมะม่วงเธอเก็บไว้ไม่ได้เอาออกมา
“ถ้าเธออยากจะกินก็เอาไปกินได้เลยนะ หลังจากการเดินทางครั้งนี้ เธอก็จะมีประสบการณ์แล้วล่ะ ระหว่างเดินทางควรจะกินของพวกนี้ดีกว่า ยิ่งเป็นของที่รสไม่จัดมากก็จะยิ่งดี” หลินชิงเหอแนะนำ
“อืม” โจวเสี่ยวเหมยพยักหน้า หล่อนหยิบแตงกวาไปแล้วแบ่งครึ่งหนึ่งไปให้ท่านแม่โจว
“ให้ต้าหลินเถอะ แม่กินไม่ไหวแล้ว” ท่านแม่โจวโบกมือ อาหารกลางวันไม่ได้กล่องเล็ก ๆ เลย จึงเป็นธรรมดาที่คนสูงอายุจะรู้สึกอิ่มมาก
แต่มันก็อร่อยมากจริง ๆ
“คุณพ่อกินไหมครับ?” ซูต้าหลินถามท่านพ่อโจว
“ฉันเอามะเขือเทศ” ท่านพ่อโจวหยิบมะเขือเทศไปกิน
โจวชิงไป๋ก็กินมะเขือเทศเป็นของว่างหลังอาหารด้วยเหมือนกัน
อาหารมื้อถัดไปก็ยังคงเป็นอาหารกล่องซึ่งถึงแม้รสชาติของมันจะอร่อย แต่หลังจากที่ต้องกินมันถึง 3 มื้อต่อวัน พวกเขาก็ไม่รู้สึกว่ามันมีอะไรพิเศษที่ตรงไหนอีกแล้ว
ฉะนั้นเมื่อทั้งครอบครัวได้ลงจากรถไฟที่เมืองหลวงแล้วจึงเป็นความโล่งใจอย่างแท้จริง
หลังจากมาถึงสถานีรถไฟที่ปักกิ่ง พวกเขาก็ออกมาขึ้นรถ
ต้องเปลี่ยนรถประจำทางอีก 2-3 ต่อเพื่อไปที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นที่ร้านค้าหรือที่บ้านก็อยู่ในละแวกเดียวกันหมด
หลังจากที่ต่อรถมาตลอดทาง พวกเขาก็ไม่ได้มุ่งหน้าไปที่ร้านเกี๊ยวเนื่องจากมันไม่ได้เป็นทางผ่าน แต่ตรงไปที่บ้านกันก่อนเพื่อเก็บกระเป๋าสัมภาระ
ในที่สุดก็ถึงเวลาได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาจริง ๆ เสียที พวกเขาถึงบ้านแล้ว!
“พี่สี่กับพี่สะใภ้สี่เช่าบ้านไว้หลังใหญ่จริง ๆ นี่…เดือนละเท่าไหร่คะ?” โจวเสี่ยวเหมยมองไปรอบ ๆ บ้านด้วยสายตาเป็นประกาย
มันเป็นอย่างที่พี่สะใภ้สี่บอกเอาไว้เลย มีห้องอยู่หลายห้อง ที่สำคัญคือมีสวนอยู่ทั้งทางด้านหน้าและด้านหลังของบ้าน ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว
“แต่แรกบ้านนี้ก็ตั้งใจเช่าเอาไว้ให้คุณพ่อกับคุณแม่อยู่แล้ว เรื่องของเธอเป็นแค่เรื่องรองลงมา ต่อไปเธอก็ไปจ่ายค่าเช่าร้านกันเอง ไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับบ้านหลังนี้หรอกจ้ะ” หลินชิงเหอกล่าว
“ทำ…ทำอย่างนี้…ไม่ได้นะครับ” ซูต้าหลินสั่นหน้า
“เงินแค่ไม่กี่หยวนเองค่ะ น้องเขยไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับพี่ก็ได้นะคะ” หลินชิงเหอบอกยิ้ม ๆ “ถึงพวกเธอจะไม่ได้มาอยู่ที่นี่ เราก็ต้องเช่าบ้านหลังนี้ให้คุณพ่อคุณแม่และก็ต้องจ่ายค่าเช่าในราคาเท่านี้อยู่แล้ว”
หลังจากพูดจบเธอก็หันไปหาท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจว “คุณพ่อคุณแม่ลองเดินดูรอบ ๆ สิคะว่าชอบไหม? จะปลูกพวกแตง ผักหรือจะเลี้ยงไก่ไว้ในสวนก็ได้นะคะ กว่าจะหาบ้านที่ดีอย่างนี้ได้ใช้เวลาอยู่นานเลยละค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...