ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม นิยาย บท 344

บทที่ 344 เจริญรุ่งเรือง
EnjoyBook
บทที่ 344 เจริญรุ่งเรือง

ถึงจะเป็นการคุยกันผ่านโทรศัพท์ แต่หลินชิงเหอก็ยังโล่งใจแม้ว่าเขาจะไม่ได้กลับมาหาแบบเป็นตัวเป็นตนก็ตาม

เมื่อกลับไปถึงบ้านหลังเลิกการเรียนการสอน เธอก็เริ่มทำปลาเล็กปลาน้อยรสหม่าล่าให้ลูกชาย

ไม่ได้มีแค่ปลาเล็กปลาน้อยรสหม่าล่าเท่านั้น หลินชิงเหอยังโชคดีที่ไปเจอคนขายเนื้อวัวเข้า เธอจึงได้ทำเนื้อพะโล้แดดเดียวด้วย

นอกจากนี้ยังมีรองเท้าและเสื้อผ้า

แม้รู้ว่าเขาอาจไม่ได้สวมใส่มันเพราะต้องสวมเครื่องแบบนักเรียนทหารแทน หลินชิงเหอก็ยังเตรียมเสื้อผ้าลำลองใหม่เอี่ยมอ่องไปให้เขาสองชุด

เธอเตรียมของเหล่านี้ไว้ล่วงหน้าสัปดาห์หนึ่งก่อนทำการส่งไปให้ลูกชาย

โจวชิงไป๋ถึงกับเหลือบมองภรรยาอยู่หลายครั้ง

“มีอะไรเหรอคะ?” หลินชิงเหอถาม

“ผมไม่เคยเห็นคุณทำอะไรแบบนี้ให้ผมเลย” โจวชิงไป๋มองเธอและตอบกลับ

หลินชิงเหอชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็มองเข้าไปในดวงตาของเขาที่ฉายแววอิจฉาลูกชายของตัวเองก่อนจะกลั้วหัวเราะครั้งหนึ่ง แล้วโจวชิงไป๋ก็ละสายตาจากไป

“ฉันเพิ่งจะนึกออก ดูของครอบครัวเราเองสิคะ ยังมีเหลืออีกเยอะเลยค่ะ ของพวกนั้นน่ะฉันเก็บไว้ให้คุณทั้งหมดเลย คุณให้คุณลุงหวัง คุณพ่อ หรือต้าหลินมารับไปในตอนเย็นกินเป็นของว่างกับเครื่องดื่มอะไรก็ได้นะคะ” หลินชิงเหอตอบทันควัน

“ส่วนนั้นของผมเหรอครับ?” โจวชิงไป๋หันมาถามเธอ

“ก็แน่สิคะ ฉันเก็บไว้ให้คุณ ไม่ใช่คุณแล้วจะเก็บไว้ให้ใครล่ะคะ? คนอื่น ๆ นอกจากนี้ฉันไม่สนหรอก” หลินชิงเหอตอบ

ในตอนนี้เองโจวชิงไป๋ก็รู้สึกพอใจ จากนั้นก็กลับบ้านพร้อมกับภรรยา

พัสดุด่วนพิเศษในยุคนี้นับว่าส่งช้ามาก

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลินชิงเหอถึงทำอาหารแห้งทั้งหมด เพราะจะได้ไม่ต้องกลัวว่ามันจะมีอายุการเก็บรักษาสั้นจนเสียรสชาติไปทั้งหมด

พัสดุมาถึงโรงเรียนของโจวข่ายใช้เวลา 8 วันเต็มหลังจากนั้น ซึ่งนับว่าเร็วทีเดียว

ครั้นพัสดุส่งมาถึง โจวข่ายก็กินอาหารเย็นกับเพื่อนอีกสองคนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเขาจึงได้มารับของไป

เขาถือมันกลับมาที่หอพัก เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นปลาแห้งกับเนื้อแดดเดียว ซึ่งทำให้เพื่อนร่วมหอพักต่างพากันอิจฉา

“แม่นายช่างดีเหลือเกิน หล่อนถึงกับส่งอาหารมาให้นายมากขนาดนี้เชียว”

“แถมยังมีเสื้อผ้ากับรองเท้าอย่างละสองชุดด้วย”

“เนื้อแดดเดียวนี่อร่อยจริง ๆ รสพะโล้ด้วย”

“ปลาแห้งนี่หอมเหลือเกิน เผ็ดกำลังดีอีกต่างหาก!”

โจวข่ายปล่อยให้พวกเขากินไป ส่วนเขาหยิบเสื้อผ้ามาเทียบกับตัวเองและพบว่าเสื้อผ้าที่แม่ส่งมาให้มันมีขนาดพอดีตัวเขาเป๊ะ

แต่ถ้าหลินชิงเหอมาเห็นสภาพลูกชายคนโตในตอนนี้ เธอจะต้องประหลาดใจแน่

ไม่ต้องพูดถึงผิวที่คล้ำดำราวกับถ่าน ตอนนี้ราศีทั้งตัวของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน ดูแคล่วคล่องว่องไวราวกับเสือดำตัวหนึ่ง

ตอนนี้โจวข่ายไม่สามารถใส่เสื้อผ้าแบบนี้ได้ชั่วคราว เขาจึงต้องพับเก็บไว้ ส่วนรองเท้าสองคู่นั้นก็ยังใส่ไม่ได้เช่นกัน แต่เพื่อตอบแทนน้ำใจของแม่ เขาจึงเก็บทุกอย่างไว้ในตู้ใส่ของ

จากนั้นเขาก็มากินเนื้อแดดเดียวกับปลาแห้ง

“เนื้อแดดเดียวกับปลาแห้งฝีมือแม่ฉันอร่อยใช่ไหมล่ะ?” โจวข่ายเก็บปลาแห้งกับเนื้อแดดเดียวเข้าที่พลางยักคิ้ว

“อร่อยสิ!” เพื่อนร่วมหอพักพากันเอ่ยชม

หลังจากนั้นโจวข่ายก็ให้พวกเขากินต่อก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา “เราจะมีวันหยุดกันอีกทีเมื่อไหร่น่ะ?”

“ตอนนี้ยังไม่มีวันหยุดหรอก แต่สิ้นปีนี้น่าจะได้หยุด 10 วัน” เพื่อนร่วมหอพักตอบ

โจวข่ายจึงตั้งตารอคอยให้ถึงวันปีใหม่ เขาเองก็คิดถึงครอบครัวของเขาเหมือนกัน

ถึงเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในรั้วโรงเรียนเตรียมทหารได้อย่างราบรื่นและสำเร็จการฝึกฝนอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขาก็ยังคิดถึงบ้านอยู่บ้าง

ฝ่ายหลินชิงเหอนั้นกำลังเตรียมผลิตเสื้อแขนยาวประจำฤดูใบไม้ร่วงในเร็ว ๆ นี้

ร้านตัดเย็บเสื้อผ้าของเธอมีขนาดเล็กนัก มีแค่จักรเย็บผ้าเพียง 10 ตัว แต่หลังจากเปิดร้านแล้ว หลินชิงเหอก็กำหนดระบบงานสองกะขึ้นมา

กะหนึ่งเป็นของแม่เฒ่าสวี่กับคนอื่น ๆ ที่รับผิดชอบงานในช่วงกลางวัน ส่วนอีกกะหนึ่งเป็นงานในช่วงกลางคืน

หลังแม่เฒ่าสวี่กับคนในกะกลางวันเลิกงานแล้ว คนในกะกลางคืนก็จะทำงานต่อจนถึงเที่ยงคืน ยิ่งกว่านั้นหลินชิงเหอยังขอคนรุ่นหนุ่มสาวทั้งหมดที่ไม่มีงานทำให้มาทำงานในกะกลางคืน

นับตั้งแต่มีงานทำ แม่เฒ่าสวี่ก็มีสภาพเหมือนกับคุณป้าหม่าที่ได้ทำงานในร้านเกี๊ยว ดูราวกับว่านางได้ฟื้นคืนกลับเป็นสาวอีกครั้งและรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างมากในทุกวัน

“มันจำเป็นค่ะ ฉันพอใจกับความตั้งใจทำงานของทุกคนมาก ก็เลยต้องขึ้นเงินเดือนให้” หลินชิงเหอพูด

เธอให้สัญญากับทุกคนว่าปีนี้ก็ได้เงินเดือนเท่าตอนนี้ไปก่อน ปีหน้าเมื่อถึงเวลาเธอจะขึ้นเงินเดือนให้เป็น 40 หยวนต่อเดือน

เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นอีก 10 หยวนทำให้ทุกคนรู้สึกดีใจมาก

ร้านตัดเย็บเสื้อผ้าของหลินชิงเหอในตอนนี้เป็นที่รับรู้ของเพื่อนบ้านทั่วทุกสารทิศ ไม่มีใครในอะพาร์ตเมนต์ไม่รู้เรื่องนี้

ทุกคนรู้ว่าอาจารย์หลินเปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้าเล็ก ๆ ด้วยตัวเองและมีลูกจ้างกว่า 20 คนในความดูแล

ด้วยเหตุนี้เอง สะใภ้ตระกูลจางที่อยู่ห้องข้าง ๆ จึงได้ทำหน้าหนาเข้ามาคุยกับหลินชิงเหอ ถึงเรื่องที่หล่อนอยากสมัครเข้าไปทำงานที่นั่น

แต่หลินชิงเหอปฏิเสธไป เธอบอกว่าแม่เฒ่าสวี่เป็นคนรับผิดชอบงานส่วนนั้นอยู่แล้ว เธอจึงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว และตอนนี้ตำแหน่งงานก็เต็มแล้วด้วย

อีกอย่างหนึ่งก็คือหลินชิงเหอไม่อยากสุภาพกับครอบครัวตระกูลจางนัก เธอไม่แม้แต่จะเอ่ยปากว่าจะชวนหล่อนไปทำงานด้วยหากขาดแคลนคนขึ้นมา

ทำไมเธอจะต้องสุภาพกับคนพวกนั้นที่จ้องจะแย่งสามีกับลูกชายของเธอไปด้วยล่ะ?

ไม่ใช่แค่สะใภ้บ้านจาง แต่ยังรวมถึงจางเหมยเหอด้วย

หลังหญิงสาวคนนั้นย้ายออกจากบ้าน หล่อนก็เริ่มธุรกิจขายเรือนร่างตัวเอง ซึ่งข่าวนี้เป็นที่แพร่สะพัดไปทั่วทั้งตึกอะพาร์ตเมนต์ และบางห้องก็จะมีเสียงสามีภรรยาทะเลาะกันดังลอดออกมาเป็นครั้งคราว

เหตุผลก็คือผู้เป็นสามีถูกจับได้ว่าแอบเอาเงินไปปรนเปรอจางเหมยเหอ

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เอ็นดูเจ้าใหญ่จังค่ะ ถึงโตแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กในสายตาแม่เสมอ

ธุรกิจเสื้อผ้าของแม่เติบโตแล้วค่ะ ถ้าปฏิบัติดี ๆ ต่อลูกจ้าง เขาก็เต็มใจผลิตของให้แบบนี้แหละค่ะ

จางเหมยเหอนางไม่ธรรมดาจริง ๆ พ่อกับแม่ระวังตัวไว้นะคะ

ไหหม่า(海馬)

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม