ถึงจะเป็นการคุยกันผ่านโทรศัพท์ แต่หลินชิงเหอก็ยังโล่งใจแม้ว่าเขาจะไม่ได้กลับมาหาแบบเป็นตัวเป็นตนก็ตาม
เมื่อกลับไปถึงบ้านหลังเลิกการเรียนการสอน เธอก็เริ่มทำปลาเล็กปลาน้อยรสหม่าล่าให้ลูกชาย
ไม่ได้มีแค่ปลาเล็กปลาน้อยรสหม่าล่าเท่านั้น หลินชิงเหอยังโชคดีที่ไปเจอคนขายเนื้อวัวเข้า เธอจึงได้ทำเนื้อพะโล้แดดเดียวด้วย
นอกจากนี้ยังมีรองเท้าและเสื้อผ้า
แม้รู้ว่าเขาอาจไม่ได้สวมใส่มันเพราะต้องสวมเครื่องแบบนักเรียนทหารแทน หลินชิงเหอก็ยังเตรียมเสื้อผ้าลำลองใหม่เอี่ยมอ่องไปให้เขาสองชุด
เธอเตรียมของเหล่านี้ไว้ล่วงหน้าสัปดาห์หนึ่งก่อนทำการส่งไปให้ลูกชาย
โจวชิงไป๋ถึงกับเหลือบมองภรรยาอยู่หลายครั้ง
“มีอะไรเหรอคะ?” หลินชิงเหอถาม
“ผมไม่เคยเห็นคุณทำอะไรแบบนี้ให้ผมเลย” โจวชิงไป๋มองเธอและตอบกลับ
หลินชิงเหอชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็มองเข้าไปในดวงตาของเขาที่ฉายแววอิจฉาลูกชายของตัวเองก่อนจะกลั้วหัวเราะครั้งหนึ่ง แล้วโจวชิงไป๋ก็ละสายตาจากไป
“ฉันเพิ่งจะนึกออก ดูของครอบครัวเราเองสิคะ ยังมีเหลืออีกเยอะเลยค่ะ ของพวกนั้นน่ะฉันเก็บไว้ให้คุณทั้งหมดเลย คุณให้คุณลุงหวัง คุณพ่อ หรือต้าหลินมารับไปในตอนเย็นกินเป็นของว่างกับเครื่องดื่มอะไรก็ได้นะคะ” หลินชิงเหอตอบทันควัน
“ส่วนนั้นของผมเหรอครับ?” โจวชิงไป๋หันมาถามเธอ
“ก็แน่สิคะ ฉันเก็บไว้ให้คุณ ไม่ใช่คุณแล้วจะเก็บไว้ให้ใครล่ะคะ? คนอื่น ๆ นอกจากนี้ฉันไม่สนหรอก” หลินชิงเหอตอบ
ในตอนนี้เองโจวชิงไป๋ก็รู้สึกพอใจ จากนั้นก็กลับบ้านพร้อมกับภรรยา
พัสดุด่วนพิเศษในยุคนี้นับว่าส่งช้ามาก
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลินชิงเหอถึงทำอาหารแห้งทั้งหมด เพราะจะได้ไม่ต้องกลัวว่ามันจะมีอายุการเก็บรักษาสั้นจนเสียรสชาติไปทั้งหมด
พัสดุมาถึงโรงเรียนของโจวข่ายใช้เวลา 8 วันเต็มหลังจากนั้น ซึ่งนับว่าเร็วทีเดียว
ครั้นพัสดุส่งมาถึง โจวข่ายก็กินอาหารเย็นกับเพื่อนอีกสองคนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเขาจึงได้มารับของไป
เขาถือมันกลับมาที่หอพัก เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นปลาแห้งกับเนื้อแดดเดียว ซึ่งทำให้เพื่อนร่วมหอพักต่างพากันอิจฉา
“แม่นายช่างดีเหลือเกิน หล่อนถึงกับส่งอาหารมาให้นายมากขนาดนี้เชียว”
“แถมยังมีเสื้อผ้ากับรองเท้าอย่างละสองชุดด้วย”
“เนื้อแดดเดียวนี่อร่อยจริง ๆ รสพะโล้ด้วย”
“ปลาแห้งนี่หอมเหลือเกิน เผ็ดกำลังดีอีกต่างหาก!”
โจวข่ายปล่อยให้พวกเขากินไป ส่วนเขาหยิบเสื้อผ้ามาเทียบกับตัวเองและพบว่าเสื้อผ้าที่แม่ส่งมาให้มันมีขนาดพอดีตัวเขาเป๊ะ
แต่ถ้าหลินชิงเหอมาเห็นสภาพลูกชายคนโตในตอนนี้ เธอจะต้องประหลาดใจแน่
ไม่ต้องพูดถึงผิวที่คล้ำดำราวกับถ่าน ตอนนี้ราศีทั้งตัวของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน ดูแคล่วคล่องว่องไวราวกับเสือดำตัวหนึ่ง
ตอนนี้โจวข่ายไม่สามารถใส่เสื้อผ้าแบบนี้ได้ชั่วคราว เขาจึงต้องพับเก็บไว้ ส่วนรองเท้าสองคู่นั้นก็ยังใส่ไม่ได้เช่นกัน แต่เพื่อตอบแทนน้ำใจของแม่ เขาจึงเก็บทุกอย่างไว้ในตู้ใส่ของ
จากนั้นเขาก็มากินเนื้อแดดเดียวกับปลาแห้ง
“เนื้อแดดเดียวกับปลาแห้งฝีมือแม่ฉันอร่อยใช่ไหมล่ะ?” โจวข่ายเก็บปลาแห้งกับเนื้อแดดเดียวเข้าที่พลางยักคิ้ว
“อร่อยสิ!” เพื่อนร่วมหอพักพากันเอ่ยชม
หลังจากนั้นโจวข่ายก็ให้พวกเขากินต่อก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา “เราจะมีวันหยุดกันอีกทีเมื่อไหร่น่ะ?”
“ตอนนี้ยังไม่มีวันหยุดหรอก แต่สิ้นปีนี้น่าจะได้หยุด 10 วัน” เพื่อนร่วมหอพักตอบ
โจวข่ายจึงตั้งตารอคอยให้ถึงวันปีใหม่ เขาเองก็คิดถึงครอบครัวของเขาเหมือนกัน
ถึงเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในรั้วโรงเรียนเตรียมทหารได้อย่างราบรื่นและสำเร็จการฝึกฝนอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขาก็ยังคิดถึงบ้านอยู่บ้าง
ฝ่ายหลินชิงเหอนั้นกำลังเตรียมผลิตเสื้อแขนยาวประจำฤดูใบไม้ร่วงในเร็ว ๆ นี้
ร้านตัดเย็บเสื้อผ้าของเธอมีขนาดเล็กนัก มีแค่จักรเย็บผ้าเพียง 10 ตัว แต่หลังจากเปิดร้านแล้ว หลินชิงเหอก็กำหนดระบบงานสองกะขึ้นมา
กะหนึ่งเป็นของแม่เฒ่าสวี่กับคนอื่น ๆ ที่รับผิดชอบงานในช่วงกลางวัน ส่วนอีกกะหนึ่งเป็นงานในช่วงกลางคืน
หลังแม่เฒ่าสวี่กับคนในกะกลางวันเลิกงานแล้ว คนในกะกลางคืนก็จะทำงานต่อจนถึงเที่ยงคืน ยิ่งกว่านั้นหลินชิงเหอยังขอคนรุ่นหนุ่มสาวทั้งหมดที่ไม่มีงานทำให้มาทำงานในกะกลางคืน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...