มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้เจอโจวข่าย
เป็นเรื่องยากที่เขาจะกลับมาในแต่ละครั้ง เขามาเยี่ยมคุณปู่คุณย่าก็จริง แต่เวลาส่วนใหญ่เขาจะอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่มากกว่า
อย่างเช่นวันนี้ที่เขากับน้องชายอีกสองคนไปห้างสรรพสินค้ากับหลินชิงเหอ
แม้เขาจะต้องกลับเข้ากรมอีกครั้งหลังปีใหม่ หลินชิงเหอก็ยังซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
โจวข่ายถึงกับพูดขึ้นมาว่า “ผมไม่มีโอกาสได้ใส่มากหรอกครับ”
เมื่อใดที่เขากลับเข้ากรมแล้ว เขาก็ต้องใส่เครื่องแบบที่เหมือนกันทุกชุด
“ถ้าไม่ได้ใส่บ้างก็ไม่เป็นไรหรอก” หลินชิงเหอไม่สนใจ
โจวกุยหลายมองเห็นกล้องวางอยู่บนชั้นในห้างสรรพสินค้าเข้าพอดี
หลินชิงเหอเห็นท่าทางของเด็กหนุ่มคนนี้แล้วก็เหลือบมองเขาสองครั้ง ตอนนี้เธอยังไม่ซื้อให้เขาหรอก รอจนกว่าจะถึงปีหน้าดีกว่า
สำหรับลูกชายแล้ว ถ้ามีข้อตกลงอะไรก็สามารถซื้อของให้เขาได้ แต่ต้องอย่าให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการในทันที ทางที่ดีที่สุดคือปล่อยให้เขารอไปก่อนระยะหนึ่ง
เป็นการทำให้เขารู้ว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ และการที่พ่อแม่หาเงินมามันเป็นเรื่องยากลำบากกว่า
นี่คือวิธีที่ควรเลี้ยงดูลูกชาย คือการอย่าตามใจพวกเขามากเกินไป ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเขาก็จะเป็นคนเนรคุณได้ง่าย ๆ
แต่หลินชิงเหอไม่คิดว่าลูกชายคนโตจะอยู่นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น หลังจากนั้นเจ้ารองกับเจ้าสามก็ได้เสื้อผ้ากัน 2-3 ชุดและรองเท้า 2 คู่ หากไม่ใช่เพราะความรักแล้วจะเป็นอะไรได้ล่ะ?
บอกได้เพียงว่ามาตรฐานในการเลี้ยงดูนั้นต่างกัน
กล้องตัวหนึ่งราคาร้อยกว่าหยวน เธออยากจะซื้อกล้องยี่ห้อดี ๆ สักตัว ซึ่งราคาอย่างต่ำก็จะอยู่ที่ 400 ถึง 500 หยวน
ทั้งแม่และลูกชายทั้งสามมาที่ร้านเกี๊ยวหลังจากซื้อของเสร็จแล้ว
ในร้านเกี๊ยวนั้น โจวชิงไป๋ โจวเอ้อร์นี และคุณป้าหม่ากำลังง่วนอยู่กับการทำเกี๊ยว
ตอนนี้เป็นวันสิ้นปี เกี๊ยวสดจึงขายดีเป็นพิเศษ ทุกคนล้วนไม่อยากทำเกี๊ยวด้วยตัวเอง พวกเขาจึงมาซื้อกลับไปปรุงเองที่บ้าน
“รีบมาช่วยเร็ว เราต้องทำเกี๊ยวกันอีก 10 ชั่งนะ” โจวเอ้อร์นีบอกโจวข่ายและอีกสองคนที่เหลือ
ทุกคนลงมือทำเกี๊ยว แล้วหลินชิงเหอก็เอ่ยขึ้นมา “ร้านเกี๊ยวเราได้หยุดวันไหนนะ?”
“ยี่สิบแปด” โจวชิงไป๋ผู้ทำงานมือเป็นระวิงเอ่ยตอบ
เขาเขียนป้ายสีแดงแปะไว้ที่ด้านนอกประตูว่าร้านจะเปิดตามปกติจนถึงวันที่ยี่สิบแปด จากนั้นจะหยุดทำการในวันปีใหม่ หลังจากวันที่เจ็ดของเดือนมกราคมแล้วร้านเกี๊ยวถึงจะเปิดอีกครั้ง
ร้านซาลาเปาของซูต้าหลินก็มีวันเปิด-ปิดร้านเหมือนกับร้านของเขา
หลินชิงเหอไม่แย้งอะไร วันที่ยี่สิบแปดสินะ
คุณป้าหม่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “กิจการเราดีมากเลยนะจ๊ะ จะทำต่ออีกสองวันก็ไม่เป็นไรหรอก”
คนงานใต้ความดูแลคนอื่น ๆ ของหลินชิงเหอได้หยุดงานโดยที่ยังได้รับค่าจ้าง ขณะที่คุณป้าหม่ายังคงทำงานตามปกติ เมื่อใดที่นางหยุดเนื่องในวันปีใหม่ นางถึงจะไม่ได้ค่าจ้าง
สำหรับคุณป้าหม่าแล้วนับว่าเป็นเรื่องที่วิเศษ ปกติแล้วนางไม่มีอะไรต้องทำและทั้งครอบครัวก็อยู่กับบ้านว่าง ๆ ดังนั้นแล้วทำไมถึงจะไม่ทำงานให้มากขึ้นล่ะ?
“เดี๋ยวต้องให้คุณป้าหม่าหยุดแล้วค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ทำไมหลายวันมานี้เสี่ยวตั้นถึงไม่มาดูทีวีแล้วล่ะคะ?”
หม่าเสี่ยวตั้นเป็นคนที่มาเยี่ยมบ้านบ่อยที่สุดและมานั่งดูทีวีทุกวัน
“สองวันมานี้เขามีอาการไอน่ะจ้ะ วันนี้พ่อของเขาก็เลยพาไปที่โรงพยาบาล”คุณป้าหม่าตอบ
“ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้างคะ?” หลินชิงเหอถาม
“ดีขึ้นแล้วจ้ะ แค่ไม่มีแรงมากนัก” คุณป้าหม่าตอบ
หลินชิงเหอยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ทำอาหารดี ๆ ให้เขาทาน เขาจะได้หายเร็วขึ้นนะคะ”
ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะเป็นหวัดเพราะภูมิต้านทานของเด็กอ่อนแอกว่า อย่างซูหย่าลูกสาวคนที่สามของโจวเสี่ยวเหมยก็เป็นหวัดเหมือนกัน
เป็นเพราะตอนกลางคืนหล่อนนอนดิ้นถีบผ้านวมออก
วันนั้นหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋กินสาลี่อยู่ในห้อง เธอจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ในมิติของฉันยังมีแอปเปิลกับสาลี่อยู่นะคะ พรุ่งนี้ให้เจ้าใหญ่เอาไปให้เขาสักสองสามลูกเถอะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
ทำไมเปิดอ่านไม่ได่...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...